"ยุทธศักดิ์"ปรับชื่อศูนย์ดับไฟใต้เป็น ศปก.กปต.ให้นายกฯ อนุมัติพรุ่งนี้

ข่าวการเมือง Thursday September 20, 2012 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี คาดว่า ในวันพรุ่งนี้(21 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะได้ลงนามในคำสั่งแต่งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.) จากเดิมที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปก.จชต.)

ทั้งนี้เนื่องจาก ศปก.จชต.เองเป็นส่วนปฏิบัติของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(กปต.)ที่มีตนเป็นประธานอยู่ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนไปใช้ ศปก.กปต.แทน ซึ่งได้นำเสนอให้นายกรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว

พร้อมกันนี้ ยังได้มีการปรับโครงสร้างบางอย่างใหม่ให้ไม่ขัดกฎหมายและมีความเป็นเอกภาพ ซึ่งศปก.กปต.จะเป็นหน่วยงานเดียวที่จะรวบรวมข่าวทั้ง 19 หน่วยงาน ให้เป็นเอกภาพเพื่อเสนอให้ระดับนโยบายได้ถูกต้อง รวมถึงฝ่ายค้าน และรัฐบาลสามารถขอข้อมูลที่ศูนย์ดังกล่าวได้ ซึ่งหน่วยงานข่าวนี้จะมีสำนักข่าวกรองแห่งชาติรับผิดชอบ

"ขณะนี้ได้เสนอให้นายกฯ อนุมัติแล้ว คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะนายกฯ ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากฝ่ายค้านแล้ว เชื่อว่าในภายในวันที่ 21 ก.ย.นี้คงเรียบร้อย" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าในกรณีผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะมารายงานตัวในช่วงสิ้นเดือนก.ย.นั้น ขณะนี้สัญญาณมีแล้ว แต่ได้ขอร้องว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรไปมากกว่านั้น ประกอบกับฝ่ายค้านได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลต้องพูดให้น้อยในเรื่องนี้

ส่วนจะมีความเป็นไปได้ที่แกนนำคนสำคัญ เช่น นายสะแปอิง บาซอ และนายมาแซ อุเซ็ง จะออกมารายงานตัวนั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าหากเขาเห็นว่าการออกมาแสดงตัวแล้ว จะทำให้มีชีวิตในแนวทางใหม่และเกิดประโยชน์มากกว่าการหลบซ่อน และในเรื่องของกฎหมายที่กำลังปรับปรุงมาตรา 21 แห่งพ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งถ้าหากการแก้ไขปัญหาในกฎหมายมีโอกาสให้เขาออกมาต่อสู้ก็เชื่อว่าบุคคลเหล่านี้น่าจะออกมามอบตัว

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังกล่าวถึงการโยกย้ายนายทหารประจำปี 2555 ในส่วนของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากรายชื่อคิดว่าทำงานได้ไม่มีปัญหาและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ในกองทัพภาคที่ 4 ไม่ได้มีการปรับย้ายอะไร ซึ่งภายหลังจากมีการปรับย้ายในระดับบนแล้ว คงจะมีการปรับในตำแหน่งพันเอกพิเศษซึ่งเป็นฝ่ายปฏิบัติ แต่ทั้งนี้อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้บัญชาการทหารบก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ