มติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดพนักงาน อสมท-"สรยุทธ-ไร่ส้ม"ฉ้อโกงค่าโฆษณาเกินเวลา

ข่าวการเมือง Thursday September 20, 2012 17:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหาพนักงาน บมจ.อสมท ช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาที่เกินเวลา

ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งแต่งตังคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องกล่าวหานางพิชชาภา เอี่ยมสอาด(นางชนาภา บุญโต) เจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาด บมจ.อสมท กับพวก กรณีช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณาเกินเวลาจำนวน 138,790,000 บาท และแก้ไขใบคิวโฆษณา เพื่อช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยมี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, น.ส.มณฑา ธีระเดช และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด(ในฐานะนิติบุคคล) เป็นผู้ให้การสนับสนุน เป็นเหตุให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย โดยมีนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อเดือน มิ.ย.46 อสมท ได้ทำสัญญาว่าจ้างนายสรยุทธ ให้เป็นพิธีกรแบบรายวันดำเนินรายการ"ถึงลูกถึงคน" ในอัตราค่าจ้าง 5,000 บาทต่อตอน ต่อมาปรากฏว่ารายการได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ชมรายการ หลังจากนั้นเดือน ก.พ.47 นายสรยุทธจึงได้ตั้งบริษัท ไร่ส้ม โดยเป็นกรรมการผู้จัดการ มี น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม เป็นกรรมการบริษัท และเข้าทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับ อสมท

ระหว่างวันที่ 1 ก.พ.48 จนถึงวันที่ 15 ก.ค.49 บริษัท ไร่ส้ม ทำสัญญากับ อสมท ร่วมผลิตรายการ"คุยคุ้ยข่าว"ออกอากาศทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลาประมาณ 12.00-13.00 น.ครั้งละ 60 นาที(รวมเวลาโฆษณา) โดย อสมท ตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้ม ครั้งละ 5 นาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้ บมจ.อสมท ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท นอกจากนี้ได้ทำสัญญาร่วมผลิตรายการ"คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลาประมาณ 21.30-22.00 น. ครั้งละ 30 นาที(รวมเวลาโฆษณา) โดยตกลงแบ่งเวลาโฆษณาให้บริษัท ไร่ส้ม ครั้งละ 2 นาที 30 วินาที ถ้ามีโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้ม ต้องชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้อสมท ในอัตรานาทีละไม่ต่ำกว่า 240,000 บาท

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นางพิชชาภา ได้ให้ความช่วยเหลือบริษัท ไร่ส้ม โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม เพื่อเรียกเก็บเงินตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.48 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.49 จากการไต่สวนปรากฏว่านายสรยุทธได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาติ สาขาพระราม 4 จ่ายเงินให้นางพิชชาภาโดยมีการทำเอกสารหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770.50 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภามิได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้ม

ต่อมาเมื่อเดือน ก.ค.49 นางบุญฑนิก บูลย์สิน รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด 1 ได้สังเกตพบว่า รายการข่าวเที่ยงคืนมีการออกอากาศล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนดจึงได้ทำการตรวจสอบ และได้เรียกนางพิชชาภามาสอบถามต่อหน้าทุกคน ซึ่งนางพิชชาภาก็ได้รับสารภาพต่อหน้าทุกคนว่าบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีการโฆษณาเกิน และไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงินจริง และได้ใช้น้ำยาลบคำผิดลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของบริษัท ไร่ส้ม ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท เพื่อปกปิดความผิดที่ได้กระทำขึ้นตามคำแนะนำของนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา ก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้น

หลังจากนั้นบริษัท ไร่ส้ม ได้มีการชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้อสมท ในวันที่ 31 ส.ค.49 และวันที่ 15 ก.ย.49 เป็นเงินจำนวน 103,953,710 บาท โดยบริษัท ไร่ส้ม ขอหักส่วนลด 30% จากยอดทั้งหมดจำนวน 138,790,000 บาท แต่ อสมท ไม่ยินยอมให้หักส่วนลด 30% เนื่องจากบริษัท ไร่ส้ม มิได้ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกันไว้และไม่ได้ชำระเงินให้ถูกต้องตามสัญญา บมจ.อสมท จึงคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 138,790,000 บาท นับแต่วันที่ 1 เม.ย.48 ถึงวันที่ 20 ต.ค.49 เป็นเงินจำนวน 4,464,197.67 บาท พร้อมภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 9,715,300 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 152,969,497.67 บาท ซึ่งบริษัท ไร่ส้ม ก็ยินยอมชำระเงินดังกล่าวให้ อสมท ในวันที่ 20 ต.ค.49

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ต.ค.50 อสมท ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางกล่าวหานางพิชชาภา และ น.ส.อัญญา ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และกล่าวหานายสรยุทธ, น.ส.มณฑา และบริษัท ไร่ส้ม ว่าสนับสนุนให้นางพิชชาภากระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

หลังจากนั้นในปี 51 บริษัท ไร่ส้ม กลับมายื่นฟ้องเรื่องนี้ต่อศาลปกครอง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1141/2551 เรียกให้อสมท ชดใช้เงินจำนวนทุนทรัพย์ 253,026,691.12 บาท โดยอ้างว่าสัญญาระหว่างอสมท กับบริษัท ไร่ส้ม นั้นตกลงแบ่งโฆษณาคนละครึ่ง คือ แบ่งโฆษณาคนละ 50 ต่อ 50 ซึ่ง บมจ.อสมท ก็มีโฆษณาเกินเวลาในรายการคุยคุ้ยข่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น บมจ.อสมท ต้องชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้บริษัท ไร่ส้ม เหมือนที่บริษัทชำระค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท ไปแล้วเช่นกัน ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติว่าการกระทำของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามมาตรา 6, มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และการกระทำของ น.ส.อัญญา หรือสาริศา อู่ไทยซึ่งเป็นหัวหน้างานและเป็นผู้บังคับบัญชาในฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้า สำนักกลยุทธ์การตลาด อสมท มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแล และตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนางพิชชาภา มีมูลความผิดทางวินัย ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่เป็นเหตุให้เสียหายแก่ อสมท อย่างร้ายแรง ส่วนทางอาญาขาดเจตนาในการกระทำความผิดให้ข้อกล่าวหาในทางอาญาตกไป

การกระทำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ซึ่งได้ใช้ให้นางพิชชาภาไม่ต้องรายงานการโฆษณาเกินเวลาที่กำหนดในสัญญาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ น.ส.มณฑา, นายสรยุทธ(ในฐานะส่วนตัว) และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด(ในฐานะนิติบุคคล) จึงมีมูลความผิดฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดตามมาตรา 6 , มาตรา 8 และมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ทั้งนี้ ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้นตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี


แท็ก ป.ป.ช.   อสมท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ