นายกฯ ร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หวังใช้เป็นเวทีสร้างความเชื่อมั่น

ข่าวการเมือง Thursday September 20, 2012 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ 67 ระหว่างวันที่ 23-29 ก.ย.55 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีภารกิจสำคัญ ทั้งในกรอบสหประชาชาติ และนอกกรอบสหประชาชาติเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเยือน โดยเฉพาะการส่งเสริมผลประโยชน์ของภาคธุรกิจ การค้าและการลงทุนของไทย พร้อมใช้โอกาสนี้แสดงบทบาทในเวทีระหว่างประเทศและสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศไทย

พร้อมได้เชิญภาคเอกชนที่มีศักยภาพร่วมเดินทางด้วย ไม่ว่าจะเป็น ภาคเอกชนในสาขาการเงิน การคลัง ตลาดทุน อุตสาหกรรมอาหารและสินค้าเกษตร ธุรกิจแฟชั่นและการออกแบบ ตลอดจน สมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อจะได้ใช้โอกาสการเดินทางครั้งนี้ สร้างความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจและการส่งเสริมผลประโยชน์ของภาคธุรกิจ และขยายช่องทางการค้าการลงทุนระหว่างกัน เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อมากที่สุด และเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับ 3 ของไทย

สำหรับการ ประชุมครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 67 ซึ่งประธานการประชุมจากประเทศเซอร์เบีย ได้กำหนดหัวข้อหลักของการประชุมปีนี้ คือ "Bringing about adjustment or settlement of international dispute or situations by peaceful means" เพื่อย้ำบทบาทสำคัญของสหประชาชาติในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆของโลก โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับสันติภาพและความมั่นคง

นายกรัฐมนตรีจะแสดงวิสัยทัศน์ของไทยเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญของโลก รวมทั้งประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสนใจ โดยถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรี จะย้ำแนวทางการบริหารประเทศของไทยที่เน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อลดและป้องกันการเกิดข้อพิพาทที่มีต้นเหตุจากความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียมกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

พร้อมใช้โอกาสนี้สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยแสดงความพร้อมของรัฐบาลในการบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลและหลังเหตุการณ์อุทกภัยปี 2554 ตลอดจน ความก้าวหน้าของไทยในเรื่องบทบาทและศักยภาพของสตรี และการกลับมามีบทบาทแข็งขันของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ หรือ การให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆและเพื่อนบ้านเพื่อการพัฒนา และในการนี้ นายกรัฐมนตรีจะพบหารือกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง แห่งเมียนมาร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงระหว่างการประชุมด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการร่วมกิจกรรมคู่ขนานอื่นๆที่สำคัญ เช่น โครงการ Every Women Every Child (EWEC): Global Strategy for Women's and Children's Health ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การริเริ่มของเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของสตรีและเด็ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ในงานดังกล่าว ซึ่งไทยจะหยิบยกประเด็นเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) ที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตของเด็กและสตรี ควบคู่ไปกับการพัฒนาบทบาทสตรี ที่มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเพื่อส่งเสริมให้สตรีมีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ตอกย้ำบทบาทเชิกรุกและสร้างสรรค์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยนายกรัฐมนตรีจะกล่าวสุนทรพจน์ที่ ASIA Society ในหัวข้อ "ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" โดยจะได้กล่าวถึงความท้าทายทั้งทางเศรษฐกิจของโลกและความมั่นคง ที่เกิดข้อพิพาทขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ ขณะที่อาเซียนที่กำลังก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2013 ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเอเชีย ด้วยการพัฒนาการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนไว้ด้วยกัน เพื่อความมั่นคง การพัฒนาและการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ โดยในฐานะศูนย์กลางและมีบทบาทสำคัญต่อการเชื่อมโยงของอาเซียน และมีการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เพื่อส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานภูมิภาคและของโลก

และ นายกรัฐมนตรีจะตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อศักยภาพในด้านต่างๆของไทย ทั้งความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และนโยบายการพัฒนาและการเติบโตอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ จะได้กล่าวถึงบทบาทของจีนในสหรัฐฯ ในภูมิภาคอาเซียนที่จะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงและการเจริญเติบโตของภูมิภาค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ