นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปืดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานตามโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท
โดยในส่วนของโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิเป็นเงิน 119,096.30 ล้านบาท โดยมีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการไปแล้วเป็นเงิน 111,742.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 12 ก.ย.55 เป็นเงิน 1,094.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.98 และผลการเบิกจ่ายจากระบบระบบอิเลกทรอนิกส์(GFMIS) เป็นเงิน 94,616.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 79.45 จากยอดจัดสรร(ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ย.55) ขณะที่ผลการดำเนินงานในมิติของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ 80 มีจำนวน 9 กระทรวง ผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ 80 จำนวน 9 กระทรวง และในมิติของจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ 80 มีจำนวน 46 จังหวัด ผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ 80 จำนวน 27 จังหวัด
ทั้งนี้พบว่าส่วนราชการและบางจังหวัดมีสถานะการเบิกจ่ายไม่สัมพันธ์กับผลการดำเนินงาน จึงเห็นสมควรเร่งรัดให้ส่วนราชการและจังหวัดดังกล่าวดำเนินการบันทึกข้อมูลผลการดำเนินงานในระบบรายงานแผน/ผลการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยของสำนักงบประมาณ(สงป.)ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนมีการส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน โดยในระบบ GFMIS เป็นเงินจำนวน 5,600.59 ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติเป็นเงินจำนวน 139 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีกจำนวน 5,739.60 ล้านบาท ซึ่งต่อมา ครม.มีมติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการส่งคืนงบประมาณไปรวม 7 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,313.54 ล้านบาท ดังนั้นคงเหลือวงเงินที่ ครม.จะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก 426.05 ล้านบาท
และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 ครม.มีมติอนุมัติวงเงินไปแล้ว 29,836.79 ล้านบาท และสำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ให้ส่วนราชการจำนวน 22,061.73 ล้านบาท คงเหลือ 7,775.05 ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม 4,004 ล้านบาท, กระทรวงอุตสาหกรรม 3,236 ล้านบาท, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 196 ล้านบาท, กระทรวงมหาดไทย 128 ล้านบาท, กระทรวงกลาโหม 19 ล้านบาท, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 17 ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ 171 ล้านบาท