นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงโครงการรับจำนำข้าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการต่อไปเพราะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร และเป็นโครงการที่ช่วยยกระดับราคาข้าวและพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวนา เป็นการยืนยันว่าผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลไทยไม่ได้อยู่ในประเทศไทย
"ผู้ที่กำหนดทิศทางการทำงานของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ พี่ชายที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ"นายชวนนท์ กล่าว
สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ไม่ได้เป็นความจริง อย่างเรื่องที่บอกว่าจะยกระดับราคา ขายแบบจีทูจี และพัฒนาคุณภาพชีวิตขาวนา แต่โครงการเหล่านี้ผลาญงบประมาณแผ่นดินแล้วประมาณ 5 แสนล้านบาท และในฤดูกาลที่จะถึงนี้ต้องใช้งบประมาณถึง 4 แสนล้าน รวมแล้วต้องใช้งบประมาณเกือบล้านล้านบาทภายในสามฤดูกาล
"พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ประเมินถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ เพราะสิ่งที่อ้างว่าเป็นประโยชน์ก็ไม่จริง ทั้งที่อ้างว่ายกระดับราคาข้าวก็ไม่ได้สูงตามที่กล่าวอ้าง ส่วนที่บอกว่าส่งออกไปต่างประเทศแบบจีทูจีกระทรวงพาณิชย์ก็โกหก เนื่องจากมีคำยืนยันจากวงการค้าข้าวไม่พบเห็นการส่งออกข้าว 7 ล้านตันตามที่มีการกล่าวอ้างแม้แต่กิโลเดียว เพราะฉะนั้นข้าวในสต๊อคของรัฐบาลมีจำนวนมหาศาลโดยที่รัฐบาลไม่เปิดเผยความจริง" นายชวนนท์ กล่าว
นายชวนนท์ ยังเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยข้อเท็จจริงว่าสต็อกข้าวของรัฐมีอยู่เท่าไหร่ ขายใคร จำนวนเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นเท่ากับเป็นการโกหกประชาชน และสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ
"พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่คำนึงถึงความเสียหาย เนื่องจากมีผลประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมหาศาล แม้แต่หน่วยงานภาครัฐ และภาควิขาการก็ไม่เห็นด้วย" นายชวนนท์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ ในการประชุม ครม.ทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการ ครม.ต่างคัดค้านโครงการดังกล่าว แต่รัฐบาลก็ไม่ฟังเนื่องจากต้องการแสวงหาประโยชน์จากความเสียหายของประเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีการคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ซึ่งการดำเนินนโยบายเช่นนี้เชื่อมโยงมาถึงการจัดเก็บภาษีที่ต่ำกว่าประมาณการในเดือน ส.ค.55 ถึง 33,322 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายในรอบ 11 เดือนถึง 19,837 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้การจัดเก็บภาษีลดลงคือรายได้นิติบุคคลเกิดจากนโยบายลดภาษีรายได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ของรัฐบาล แต่ภาษีที่เก็บได้มากขึ้นคือ ภาษีบุคคลธรรมดา เท่ากับว่ารัฐบาลรีดภาษีผุ้ประกอบการรายย่อย หรือพ่อค้า แม่ค้า เพิ่อชดเชยส่วนที่เสียไป กับการลดภาษีให้นายทุน
"อยากให้รัฐบาลต้องระมัดระวัง อย่าให้คนคิดว่ารัฐบาลที่อ้างว่าตัวเองเป็นรัฐบาลคนจน แต่กลับยกเว้นภาษีให้กับคนรวย แล้วไปรีดภาษีคนจนผู้ประกอบการรายเล็กๆ แนวทางที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้นมีความอันตรายและความเปราะบางในเรื่องโครงสร้างภาษี" นายชวนนท์ กล่าว
โฆษก ปชป.กล่าวว่า การที่รัฐไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้าจะส่งผลให้เกิดการขาดดุลงบประมาณเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะต้องมีการกู้มาชดเชย จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น และรัฐบาลยังมีแนวโน้มที่จะเก็บรายได้ลดลงอีกเพราะมีนโยบายลดภาษีรายได้นิติบุคคลลงเหลือ 20% ในปี 2556 ซึ่งรัฐบาลยังมีแนวคิดที่จะกู้เงินอีก 2 ล้านล้านโดยอ้างว่าเพื่อปรับโครงสร้างของประเทศ โดยไม่ได้มีแนวคิดว่าจะหารายได้มาชดเชยในส่วนที่ทำเสียหายไปจากนโยบายจำนำข้าว และการเก็บภาษีนิติบุคคลลดลงอย่างไร
"ผมคิดว่าระบบเศรษฐกิจกำลังจะล่มสลายในมือของรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลคิดแต่จะสร้างหนี้โดยไม่มีแผนหารายได้มารองรับรายจ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต" นายชวนนท์ กล่าว