ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และสำนักนายกรัฐมนตรี(สนร.) ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรวม 260 รายที่ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายจากปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51
คดีนี้มีผู้ฟ้องคดีทั้งสิ้น 250 ราย และผู้ร้องสอดอีก 11 ราย โดยขอให้ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่รายละ 5 หมื่นบาท ไปจนถึงรายละ 16.59 ล้านบาท ซึ่งในคำพิพากษาศาลได้กำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ผู้ชุมนุมแต่ละแตกต่างกันไป โดยนายชิงชัย อุดมเจริญกิจ ได้รับค่าสินไหนทดแทนมากสุด 5,190,964.80 บาท เนื่องจากมือข้างขวาขาด ขณะที่นายสนม สิงห์สังข์ ได้รับค่าสินไหมทดแทนน้อยสุด 8,900 บาท จากกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหาย ส่วนนายประเสริฐ แก้วกระโทก เป็นผู้ฟ้องคดีเพียงรายเดียวที่ศาลสั่งยกฟ้อง เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการถูกกลุ่มคนเสื้อแดงดักทำร้าย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มาชุมนุมปิดล้อมอาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางไม่ให้รัฐบาลที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามขั้นตอนที่ได้ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ ศาลมีคำสั่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด หากผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดรายใดได้รับเงินทดแทนเยียวยาความเสียหายจากหน่วยงานของรับตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 10 ม.ค.55 ไปแล้วเพียงใดให้คงมีสิทธิรับค่าทดแทนความเสียหายเท่าที่เหลือตามคำพิพากษาเพียงนั้น และหากภายในสองปีนับตั้งแต่มีคำพิพากษา ผู้ฟ้องคดีและผู้ร้องสอดรายใดยังคงต้องรักษาอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลจากการกระทำละเมิด ศาลยังสงวนสิทธิที่จะแก้ไขคำพิพากษาในส่วนนี้เพิ่มเติมได้อีก