ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมีมติรับกรณีกรณีการทำสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทางอาญา
นอกจากนี้ ทีป่ระชุม กคพ. ยัมีมติ รับคดีความผิดทางอาญาอีก 7 เรื่อง เป็นคดีพิเศษ ได้แก่ กรณีขบวนการบุกรุกและลักลอบขุดทรายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง จ.พังงา, กรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อำเภอเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์, กรณีการทุจริตโครงการแก้ไขปัญหาราคาหอมแดงตกต่ำ ฤดูการผลิตปี 2554/2555 จ.ศรีสะเกษ,
กรณีบริษัทเอกชนซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย หรือ ตัวแทนจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกงหรือลวงขายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยที่ไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้างกับหน่วยงานของรัฐ, กรณีลักลอบเปิดบ่อนพนันออนไลน์กลางเมืองในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ/การสืบสวนเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,
กรณีนางสาวโซเบดา พงษ์สว่าง ร้องขอต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับนางรัศมี คาน กับพวกในข้อหาข่มขู่ทำให้เกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญจะทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ลักพาตัวบุตรสาว และ เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีของศาล และ กรณีการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดวยพรรคการเมือง พ.ศ.2550
โดยที่ประชุม เห็นว่า ทั้ง 8 เรื่องเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะ คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องยกระดับจากคดีอาญาทั่วไปให้เป็นคดีพิเศษ