น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ VDO Conference ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อมอบนโยบายและติดตามงาน เช็คสภาพภัยพิบัติพื้นที่น้ำท่วมที่ยังหลงเหลืออยู่ พร้อมสั่งเตรียมพร้อมมาตรการรับมือภัยแล้ง-ภัยหนาวหลังฤดูฝนผ่านพ้นไปแล้ว กวดขันปัญหายาเสพติด
ประเด็นที่การหารือร่วมกัน อาทิ การติดตามสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดปราจีนบุรี ติดตามงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น การเตรียมพร้อมรับภัยธรรมชาติ โดยการตั้งศูนย์บัญชาการสาธารณภัยส่วนหน้าและการจัดการภัย สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ฯลฯ
รวมทั้งงานตามนโยบายที่ดำเนินการในระยะ 4 ปี เช่น การพัฒนาศักยภาพผู้ว่าราชการจังหวัดรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ งานตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษา มหาราชินี และวาระการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงการติดตามงาน PMOC และงบประมาณกลุ่มจังหวัด/จังหวัด เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีขอบคุณผู้ว่าราชจังหวัดทุกพื้นที่ที่เกิดปัญหาอุทกภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันทำงานและดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี รวมถึงการประกาศให้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการสาธารณภัยส่วนหน้าและการจัดการภัยในพื้นที่แต่ละจังหวัดร่วมกับ กบอ. ซึ่งการทำงานในเบื้องต้นเป็นไปอย่างมีเอกภาพ ทำให้สถานการณ์ต่างในพื้นที่คลี่คลายและดีขึ้นโดยลำดับ ซึ่งขณะนี้จะเหลือพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยอยู่ 2 จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดปราจีนบุรี โดยได้สอบถามถึงรายละเอียดการดำเนินการในพื้นที่นี้ต่อไป
สำหรับรูปแบบการการบริหารจัดการภัยพิบัติต่างๆ ขอให้ทุกจังหวัดเริ่มปรับปรุงเพิ่มเติมขบวนการขั้นตอนในการจัดการ และให้นำประสบการณ์ปีที่ผ่านมามาปรับใช้ประกอบกันด้วย โดยเฉพาะขณะนี้เรื่องของมรสุมหรือปริมาณน้ำฝนก็เริ่มลดลงแล้วนั้น ขอให้มีการเตรียมมาตรการในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เช่น ขอให้มีการสำรวจแหล่งต้นน้ำ หากยังไม่มีท่อส่งน้ำไปยังพื้นที่เกษตรกรรมก็ขอให้ดูแลทำท่อส่งไปยังพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหา เพื่อให้ประชาชนนำน้ำมาใช้เพื่อการเกษตรได้อย่างพอเพียง รวมถึงการแก้ปัญหาหมอกควันที่เคยเกิดขึ้น เช่น การประชาสัมพันธ์ประชาชนไม่ให้มีการเผาฟางข้าว ฯลฯ และการเตรียมมาตรการดูแลในเรื่องภัยหนาว เพื่อป้องกันและลดปัญหาที่จะต้องมาแก้ปัญหาหน้างานด้วย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าคาดหวังจะเห็นการทำงานเชิงรุก คือ การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดูแลความเดือดร้อนของประชานเป็นที่ตั้ง เพื่อได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริงและสามารถแก้ไขได้อย่างถูกต้องตรงจุดกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งจะไม่ทำให้มีเหตุการณ์ประชาชนเข้ามาเรียกร้องหรือชุมในส่วนกลาง แต่หากมีก็ควรจะอยู่ในระดับจังหวัดเท่านั้น
"ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหาภัยยาเสพติด การพนัน ของผิดกฎหมาย ตลอดจนการจริตคอร์รัปชั่น นั้น ขออย่าให้มีและไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันการทำงานระดับจังหวัด ขอให้มีการทำงานที่เป็นโมเดลร่วมกันระหว่างผู้ว่าฯ คู่กับผู้การฯ เพื่อให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ รวมทั้งเน้นย้ำให้มีการทำงานและสื่อสารที่เข้าไปถึงยังท้องที่ ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การถ่ายทอดนโยบายส่วนกลางไปยังจังหวัดและพื้นที่ ให้การทำงานมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้าน น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการจัดการประชุมในลักษณะดังกล่าว เดือนละ 1 ครั้ง และหากผู้ว่าฯ ได้มีปัญหาอุปสรรคในเรื่องใดขอให้เสนอมาล่วงหน้าเพื่อจะได้ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ข้อเสนอแนะและข้อมูลเพิ่มเติม ให้การแก้ไขปัญหาถูกต้องตรงกับความต้องการของพื้นที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง