สหภาพยุโรป (อียู) ได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในวันนี้ ซึ่งรวมถึงการประกาศห้ามนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์
"การตัดสินใจดังกล่าวพุ่งเป้าไปที่โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และรายได้ของรัฐบาลอิหร่านจากโครงการเหล่านี้" อียูกล่าวในแถลงการณ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูที่ลักเซมเบิร์ก
แถลงการณ์ระบุว่า อียูจะระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากอิหร่าน ซึ่งรวมถึงการนำเข้า การซื้อ และการขนส่งก๊าซ รวมทั้งการทำธุรกรรมการเงินและประกันที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากนี้ สภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูยังตกลงให้มีการขยายมาตรการห้ามส่งออกอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี ให้กับอิหร่านด้วย
ในการตัดช่องทางการระดมทุนสำหรับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านนั้น สภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูได้ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าสถาบันการเงินของอียูจะไม่จัดหาเงินทุนให้กับโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หรือเพื่อการพัฒนาจรวดขีปนาวุธ
นอกจากนี้ อียูยังได้ระงับการทำธุรกรรมทุกประเภทระหว่างยุโรปและธนาคารพาณิชย์ของอิหร่าน นอกเสียจากว่ารัฐบาลอิหร่านจะมีความคืบหน้าในการดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน อียูยังได้ตัดสินใจเพิ่มมาตรการคุมเข้มต่อธนาคารกลางอิหร่านด้วย
ขณะเดียวกัน อียูยังได้ระงับการส่งออกวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่าน หรืออุตสาหกรรมที่ควบคุมด้วยกองกำลังปกป้องการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (IRGC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กราไฟต์ โลหะดิบหรือโลหะกึ่งสำเร็จรูป เช่น อลูมิเนียมและเหล็ก รวมทั้งซอฟท์แวร์สำหรับกระบวนการด้านอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีการสั่งห้ามการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคและด้านการเงินแก่อิหร่านด้วย
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า เรือขนส่งที่เป็นของพลเรือนและบริษัทในอียูจะไม่สามารถนำไปใช้ในการขนส่งหรือเก็บน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของอิหร่าน นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกอียูยังได้ตัดสินใจยุติการสนับสนุนการค้ากับอิหร่านโดยผ่านการให้สินเชื่อด้านการส่งออกในระยะสั้น และการรับประกันหรือประกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน