สหรัฐขานรับการตัดสินใจของสหภาพยุโรป (อียู) ในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ต่ออิหร่าน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
“สหรัฐพอใจกับการดำเนินการของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการคว่ำบาตรครั้งใหญ่รอบใหม่ต่อรัฐบาลอิหร่าน เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัฐบาลอิหร่านยังคงละเมิดพันธสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยแผนการนิวเคลียร์" นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวกับผู้สื่อข่าว
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวมีขึ้นหลังจากทีอียูประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเมื่อวานนี้ ซึ่งรวมถึงการห้านนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากอิหร่าน หลังจากที่การเจรจาประเด็นนิวเคลียร์ไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม อียูได้เน้นย้ำถึงแนวทางทางการทูตในการคลี่คลายประเด็นนิวเคลียร์อิหร่าน ขณะที่เรียกร้องให้อิหร่าน “ปฏิบัติตามพันธสัญญาระหว่งประเทศทั้งหมด"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายคาร์นีย์กล่าวว่า การดำเนินการของอียู “ได้หนุนความพยายามระหว่างประเทศต่อไปในการกดดันและโดดเดี่ยวรัฐบาลอิหร่าน จากการที่อิหร่านยังคงไม่ยอมปฏิบัติตามพันธสัญญาระหว่างประเทศและปฏิเสธที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่กับสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA)"
ก่อนหน้านี้ อียูระบุในแถลงการณ์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูที่ลักเซมเบิร์กว่าอียูจะระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากอิหร่าน ซึ่งรวมถึงการนำเข้า การซื้อ และการขนส่งก๊าซ รวมทั้งการทำธุรกรรมการเงินและประกันที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้ นอกจากนี้ สภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูยังตกลงให้มีการขยายมาตรการห้ามส่งออกอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และปิโตรเคมี ให้กับอิหร่านด้วย
ในการตัดช่องทางการระดมทุนสำหรับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านนั้น สภาวิเทศสัมพันธ์ของอียูได้ใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าสถาบันการเงินของอียูจะไม่จัดหาเงินทุนให้กับโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน หรือเพื่อการพัฒนาจรวดขีปนาวุธ