ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ตั้งค่าหัวชายชุดดำที่ก่อเหตุความรุนแรงในช่วงการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีการตั้งค่าหัว ถือเป็นสิ่งจูงใจให้ประชาชนให้ความร่วมมือ และช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีปัญหาว่าชายชุดดำมีจริงหรือไม่ เพราะเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ที่มีสิทธิเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ แต่หากมีชายชุดดำจริงก็ไม่เป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้มีคนเสียชีวิตถึง 98 ศพ จึงมีความแตกต่างกับกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ที่เป็นการไต่สวนของศาลและมีคำสั่งว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องจับกุมตัวชายชุดดำให้ได้ก่อน แล้วนำมาสู่การสอบสวนว่ามีพยานหลักฐานอย่างไร"ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองฯ นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเพียงการทำความเข้าใจพร้อมกันในหลายประเด็น ทั้งเรื่องการรับจำนำข้าว ปัญหายาเสพติด และการสร้างความเข้าใจ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาการทำความเข้าใจล่าช้า อีกทั้งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กระทำผิด แต่มองว่าเกิดความไม่เป็นธรรมจากคณะปฏิวัติ
ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า ไม่พร้อมรับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพราะขณะนี้ได้รับหน้าที่ดูแลตำรวจและการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความถนัดอยู่แล้ว พร้อมกับชื่นชมนายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย ที่เป็นคนเก่งและมีความสามารถ ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีก็เป็นดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
ส่วนกระแสข่าวที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง จะได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายจุพรเป็นคนที่มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้ามาทำงานได้ทุกตำแหน่ง หากเปรียบไปแล้วเสมือนเสมานอกจอ
นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงการทุจริตไซฟ่อนเงินที่ต่างประเทศ และการทุจริตโครงการจำนำข้าวว่า ว่า เรื่องไซฟ่อนเงินเป็นความคิดของคนบ้า ส่วนเรื่องการจำนำข้าวชาวนาได้ประโยชน์ แต่เรื่องการประกันราคาข้าวพ่อค้าได้ประโยชน์ ส่วนกรณีนักวิชาการที่ออกมาต่อต้านโครงการรับจำนำข้าว รองนายกรัฐมนตรี มองว่า เป็นการรับงานมา หากโครงการนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยก็ให้ยื่นคัดค้านได้