น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประมูลสัมปทานระบบ 3G โดยตั้งข้อสังเกตว่า มีการสมยอมราคากันหรือไม่ เพราะการประมูลดังกล่าว ไม่ได้แข่งขันราคาอย่างจริงจัง และเห็นว่าไม่มีการแข่งขันราคาหรือประมูลในราคาที่น้อยเกินไป กสทช. ควรใช้สิทธิยกเลิกประมูลได้ แต่กลับปล่อยให้ก่อนิติกรรมอย่างรวบรัด และ 3 บริษัทที่ประมูลได้รีบจ่ายเงินทันทีร้อยละ 50 ทั้งที่มีเวลาพิจารณาไม่เกิน 90 วัน
นอกจากนี้ คณะกรรมการเสียงข้างมากก็ไม่ควรลงมติรับรอง ทั้งที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การประมูลราคา ซึ่งอาจส่งผลให้มติของ กสทช. ขัดต่อกฎหมายได้
ที่สำคัญเมื่อเทียบกับสัมปทานที่บมจ. ทีโอที และบมจ. กสท โทรคมนาคม เคยทำไว้คือ 15 ปี โดยแต่ละปีทั้ง 2 บริษัทจะต้องส่งเงินให้รัฐปีละ 48,000 ล้านบาท เมื่อรวม 15 ปี รัฐจะได้รับเงินจำนวนกว่า 720,000 ล้านบาท แต่ กสทช.กลับให้ทั้ง 3 บริษัทประมูลได้ราคารวมกัน 42,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียรายได้และเสียหายกว่า 678,000 ล้านบาท
"รายได้ที่หายไปจำนวนมหาศาล กสทช. จะชดเชยตรงนี้อย่างไร เพราะเป็นเงินที่จะใช้ในการนำไปพัฒนาประเทศ เพื่อประโยชน์ประชาชน และราคาประมูลที่ถูกมาก จึงไม่ต้องสงสัยว่าเอกชนที่ชนะประมูลจะถอนทุนคืนภายใน 1 ปี และหลังจากนั้น 14 ปี คือกำไรมหาศาล จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ามีใครบางคนที่ไปนั่งเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทเอกชนบางราย และอยากให้กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้เสียหายเกี่ยวกับการประมูล 3G ดำเนินการกับ กสทช.อย่างจริงจังด้วย" น.ส.มัลลิกา กล่าว.