น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ (คกส.) ครั้งที่ 2/2555 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะเลขานุการสำนักงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ได้แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้โอนเงินกองทุนฯ เพิ่มเติม ครั้งที่ 2 จำนวน 6,160 ล้านบาท 77 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) ตามขนาดจังหวัด (จำนวนประชากรทั้งหมด) คือ จังหวัดขนาดเล็ก (S) 70 ล้านบาท ขนาดกลาง(M) 100 ล้านบาท และจังหวัดขนาดใหญ่ (L) ที่มีจำนวนประชากร 900,000 คนขึ้นไป 130 ล้านบาท เพื่อคณะกรรมการพัฒนาบทบาทสตรีระดับจังหวัดและตำบลดำเนินการต่อไป หลังจากที่ได้มีการโอนเงินกองทุนฯ ครั้งที่ 1 ให้กับทุกจังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) จังหวัดละ 20 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 1,540 ล้านบาทไปแล้ว
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯยังเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดและกรุงเทพมหานคร รวม 77 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) ประกอบด้วย จังหวัดละ 5 คน รวมผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสิ้น 375 คน ทั้งนี้เพื่อให้จังหวัดต่าง ๆ มีองค์ประกอบของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในระดับจังหวัดครบ เพื่อจะได้ดำเนินการอนุมัติแผนงานและโครงการพัฒนาบทบาทสตรีในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนต่อไป
อีกทั้งที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพัฒนาศักยภาพกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และสำนักงานพัฒนาชุมชน กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการอบรมและให้ความรู้แก่คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด/กทม.และตำบลภายในเดือนพฤศจิกายน 2555 เพื่อให้ผู้ทรงคุณวุฒิและคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในระดับต่าง ๆ ได้มีองค์ความรู้ในยุทธศาสตร์แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติได้กำหนดไว้ และให้การปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งคาดว่าภายในเดือนธันวาคม 2555 เงินกองทุนฯ จะลงสู่ประชาชนเพื่อพัฒนาอาชีพ รายได้ ความเป็นอยู่ การพัฒนาศักยภาพของสตรี และการให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและการพัฒนากองทุนของสตรีให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประกวดตราสัญลักษณ์กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมกราคม 2556
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้แจ้งไปยังสตรีทั่วประเทศว่า ปัญหาของสตรีจะต้องได้รับการแก้ไข ขณะที่ศักยภาพของสตรีต้องได้รับการส่งเสริมและพัฒนา จึงขอให้สมาชิก กลุ่มองค์กรสตรีที่ประสบปัญหาเดือดร้อน หรือต้องการพัฒนาองค์กรในเรื่องใดนั้น ได้มีการเตรียมเขียนโครงการเสนอ คณะกรรมการแต่ระดับจะได้พิจารณาช่วยเหลือสมาชิกต่อไป