การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของเพื่อทบทวนพัฒนาการความคืบหน้าการทำงานที่ผ่านมา และให้ทิศทางรวมทั้งแสวงหาแนวทางเพื่อผลักดันประเด็นความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไปทั้งในกรอบอาเซียนและกับคู่เจรจา ตลอดจนเป็นโอกาสให้แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องประเด็นในภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ
สำหรับหัวข้อการหารือของการประชุมสุดยอดอาเซียนประกอบด้วย 1) การสร้างประชาคมอาเซียน ซึ่งรวมถึงการดำเนินการตามแผนงานสามเสา และแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงในอาเซียน 2) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน โดยผู้นำอาเซียนจะรับรองในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของอาเซียนในการร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 3) การแต่งตั้งเลขาธิการอาเซียนคนใหม่สืบต่อจาก นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในสิ้นปีนี้ และ 4) การแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในการประชุมกับคู่เจรจานั้น จะเน้นการทบทวนความร่วมมือและทิศทางในอนาคต รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ และการประชุม ASEAN Global Dialogue นั้น ประธานอาเซียนได้กำหนดหัวข้อ “Role of multilateral institutions, ASEAN and East Asia in addressing economic and financial disorder"
นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาเขตการค้าเสรีกับอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ จีน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย จะประกาศการเริ่มต้นเจรจาความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ด้วย
ในการประชุมฯ ครั้งนี้ คาดว่าจะมีเอกสารผลลัพธ์ทั้งสิ้น 11 ฉบับที่สำคัญ ได้แก่ 1) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน 2) แถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ : เพื่อเพิ่มพูนสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ 3) แถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ : เพื่อเพิ่มพูนสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือ 4) ปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มการพัฒนาของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และ 5) ปฏิญญาร่วมว่าด้วยการประกาศการเริ่มเจรจาความตกลง RCEP