ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับกับผู้บัญชาการเหล่าทัพให้ใช้วิธีการละมุนละม่อม และแนวทางสันติวิธีในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม แต่ในขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์
"จะมีการประเมินสถานการณ์ในวันจันทร์ว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนว่าต้องใช้กฎหมายฉบับใดเข้ามาอำนวยการ แต่ในชั้นนี้ก็ยังใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ใช้ตามแผนกรกฏ ส่วนวันจันทร์จะประเมินสถานการณ์ชัดเจนจากมวลชนที่จะมาถึงจะได้ข้อยุติว่าจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่" พล.ท.ภราดร กล่าว
ทั้งนี้ เลขาธิการ สมช.ได้ให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่อาจจะต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อเป็นการอำนวยการให้กับผู้บัยชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้มีอำนาจในการสั่งการหน่วยงานต่างๆ ได้ และจากการประเมินผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 5-6 หมื่นมีแนวโน้มลดลง เพราะมีการสื่อสารที่ดีขึ้น และโดยรวมบรรยากาศดีขึ้น เพราะเชื่อว่าเหตุผลในการนัดชุมนุมยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอ
เลขาธิการ สมช.มั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมการชุมนุมได้ เพราะเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจค้น อาจจะทำให้ผู้มาร่วมชุมนุมอาจไม่ได้รับความสะดวกบ้าง แต่ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมด้วย
และการประเมินสถานการณ์ล่าสุด ทาง สมช.ไม่เป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 ที่อาจจะเข้ามาป่วนในช่วงที่มีการชุมนุม เพราะยังสามารถควบคุมได้ และยืนยันรัฐบาลไม่ได้สร้างเรื่องหรือประเมินสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าการชุมนุมจะเกิดเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น อีกทั้งเชื่อว่า การชุมนุมจะสิ้นสุดลงภายในวันเดียว เพราะจะมีการซ้อมพิธีสวนสนามที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งผู้ชุมนุมคงจะเข้าใจถึงความจำเป็นในการใช้สถานที่ของทางทหาร
ส่วนการพูดคุยกับทาง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้ายนั้น พล.ท.ภราดร ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยผ่านตัวแทน ซึ่งก็ได้รับคำยืนยันที่หนักแน่นจาก เสธ.อ้ายว่าจะควบคุมการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น
นอกจากนี้ เลขาธิการ สมช. ยืนยันว่า จะไม่มีเหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับกลุ่มของ เสธ.อ้าย ซึ่งได้มีการทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้วว่าจะไม่มีการเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพฯ