ส่วนนโยบายสาธารณะระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาที่ต้องการให้บารัก โอบามา ช่วยผลักดันใน 5 อันดับแรก พบว่าอันดับแรกหรือร้อยละ 85.7 ระบุแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ อันดับสอง ร้อยละ 84.3 ระบุด้านการศึกษา, อันดับสามร้อยละ 81.4 ระบุด้านการค้าการลงทุน, อันดับสี่ร้อยละ 65.7 ระบุด้านปัญหาการค้ามนุษย์ และอันดับห้าร้อยละ 61.3 ระบุด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องการให้เกิดการค้าการลงทุนร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.1 ระบุด้านเทคโนโลยี รองลงมา คือ ด้านพลังงาน, การศึกษา, การพัฒนาคุณภาพคน(ทรัพยากรมนุษย์) และด้านอาหาร เป็นต้น
เมื่อถามความคิดเห็นต่อการได้เปรียบเสียเปรียบที่ประเทศไทยทำการค้าการลงทุนกับสหรัฐอเมริกา พบว่า ร้อยละ 42.3 ระบุไม่มีประเทศใดได้เปรียบเสียเปรียบในเวลานี้ ในขณะที่ร้อยละ 38.3 ระบุประเทศไทยเสียเปรียบ และมีเพียงร้อยละ 19.4 ที่ระบุประเทศไทยได้เปรียบ
สำหรับความนิยมของสาธารณชนคนไทยต่อความเป็นผู้นำประเทศของสุดยอดนักการเมือง 3 คนที่อยู่ในแบบสอบถาม ถ้าประชาชนเลือกได้ คือ บารัก โอบามา, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พบว่า อันดับหนึ่งหรือร้อยละ 42.9 นิยมศรัทธาต่อความเป็นผู้นำของบารัก โอบามา รองลงมาคือ ร้อยละ 33.3 นิยมศรัทธาต่อความเป็นผู้นำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และร้อยละ 23.8 นิยมศรัทธาต่อความเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,115 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 12-16 พฤศจิกายน 2555