ตามที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ และนายสิงห์ทอง บัวชุม ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ รวม 3 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า พล.อ.บุญเลิศ ได้กระทำการโดยใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องยังไม่เพียงพอประกอบการพิจารณา ดังนั้น เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 213 วรรคหนึ่งที่บัญญัติให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำหรือดำเนินการใดเพื่อประโยชน์แก่งการพิจารณาได้
นายพิมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทั้งพล.อ.บุญเลิศ และพล.อ.ท.วัชระรับทราบคำสั่งศาลแล้วและต้องเข้ามาชี้แจงต่อศาลด้วยตัวเอง
สำหรับการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวของศาล ไม่กังวลว่าจะถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง เนื่องจากศาลจะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น ส่วนการออกคำสั่งในวันพรุ่งนี้หลังจากบุคคลทั้งสองมาให้ถ้อยคำแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล รวมถึงอำนาจในการสั่งให้ยุติการชุมนุมว่าอันไหนเป็นอำนาจที่ศาลพอจะทำได้
ส่วนองค์คณะศาลที่ทำหน้าที่พิจารณาในวันนี้มี 7 คน จาก 9 คน เนื่องจากมีตุลาการลาประชุม 2 คน และตุลาการได้ใช้เวลาในการพิจารณาเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนจะมีคำสั่งเรียกพล.อ.บุญเลิศ และพ.อ.ท.วัชระมาให้ถ้อยคำ