2.กระบวนการขายข้าวในโครงการรับจำนำที่ไม่ได้รับการเปิดเผยปริมาณขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีการระบุมีการขายข้าวหลายสิบล้านตัน มูลค่าหลายแสนล้านบาท หน่วยงานเกี่ยวข้องยังระบุว่าสัญญานั้นเป็นความลับ ตนเชื่อว่ากรณีที่มีการปกปิดดังกล่าวส่อที่จะผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาให้รัฐ ซึ่งประเด็นนี้ตนได้ร่วมทำงานกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป,
3.ความสามารถในการขายข้าวโดยกระทรวงพาณิชย์ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และ 4.การที่รัฐบาลไม่ทำบัญชีกำไร-ขาดทุนให้ชัดเจน หากรัฐบาลทำโครงการดังกล่าวต่อไปอาจทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะ
“แนะนำให้ปรับยุทธศาสตร์ขายข้าว ไม่ต้องคิดว่าจะเป็นผู้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ให้เปลี่ยนยุทธศาสตร์มาคิดใหม่ว่า จะทำอย่างไรให้ชาวนาปลูกข้าวได้มีคุณภาพและหันมาช่วยเหลือชาวนารายย่อยในภาคอีสานได้มากขึ้น นอกจากนี้ขอให้ควบคุมขนาดของโครงการ ให้จำกัดขนาดโครงการโดยคำนึงถึงการระบายข้าวออกไปและต้องเริ่มเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้เกิดความโปร่งใส่ ส่วนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวแนะนำให้ตรวจสอบจากบัญชีธ.ก.ส.ซึ่งจะทำให้สามารถจำแนกชาวนารายย่อยได้ชัดเจน" นายไพบูลย์ กล่าว
ด้านนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหาวิชาชีพ กล่าวเปิดญัตติในประเด็นการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลว่า รัฐบาลไม่ได้แถลงการบริหารราชการแผ่นดินมานานมากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องพืชผลการเกษตร การรับจำนำข้าว เห็นว่าเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยยกระดับราคาข้าวและช่วยให้ชาวนามีรายได้ดีขึ้น ถือว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องการดำเนินการที่ไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลต้องหาคำตอบว่าจะทำโครงการนี้ในระยะยาวได้หรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินเข้าไปอุดหนุน และความโปร่งใสในการให้ขอมูลเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้พืชเกษตรอื่นๆก็มีปัญหา เช่น ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด หอมแดง รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงมากเกินไป
ส่วนปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ รัฐบาลควรลดปัญหานี้โดยเฉพาะเรื่องข่าวกรองและการข่าวต่างๆ ต้องทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เรื่องยุทธศาสตร์และงบประมาณของกระทรวง ทบวง กรม ที่มีการใช้จ่ายมากเกินไปแต่ไม่ได้ช่วยทำให้ปัญหาของภาคใต้ลดน้อยลง อีกทั้งการที่รัฐบาลไม่มีบุคคลที่ลงไปดูแลปัญหาภาคใต้อย่างจริงจัง อยากให้หารองนายกฯลงไปกำกับดูแล ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องหาคนที่มีความสามารถลงไปแทน เชื่อว่าจะช่วยสถานการณ์ดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนปัญหาภัยแล้ง ต้องเข้าไปดูแลเรื่องการปล่อยน้ำ แบ่งปันน้ำ โดยเสนอให้นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งลงไปยังพื้นที่ต่างๆ หากประชาชนทำการเกษตรไม่ได้ก็ต้องร่วมมือกับกระทรวงแรงงานหาอาชีพเสริมไว้รองรับ
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างความปรองดองให้ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งเชื่อว่าทำได้ เพราะรัฐบาลมีมวลชนที่เป็นของรัฐบาลเอง
สำหรับเรื่องการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ถือว่าทำได้ดี ถ้าต้องการแก้ปัญหาให้เชิญแกนนำมาพูดคุยในสภาฯ ด้วยและหาทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองร่วมกัน