ส่วนการใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็เป็นไปตามขั้นตอนตามหลักสากล นอกจากนี้ ยังได้กล่าวชมเชยและขอบคุณ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ที่ได้ยุติการชุมนุมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน
ด้าน พล.ต.อ.วรพงศ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานก่อนการชุมนุม ว่า จะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีอาศัยสถานการณ์เข้ามาก่อเหตุ จึงได้เจรจากับพล.อ.บุญเลิศเพื่อหารือแนวทางป้องกัน โดยตั้งจุดคัดกรองตรวจอาวุธอย่างเข้มงวด โดยเมื่อเวลา 08.00 น.ผู้ชุมนุมจำนวน 5,000 คน ได้เจรจาให้เปิดเส้นทางในจุดที่ประกาศหวงห้าม แต่เห็นว่าพื้นที่ที่จัดให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถรองรับจำนวนคนได้เป็นจำนวนมาก จึงไม่เปิดเส้นทางให้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามเข้ามาในุพื้นที่หวงห้าม จึงได้ ใช้แก็สน้ำตายับยั้งสถานการณ์
ด้านพล.ต.อ.เอก กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ว่า เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ทั้งหมด 137 คน เป็นชาย 103 คน หญิง 24 คน นอกจากนี้ ยังควบคุมผู้ต้องหาไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิตอีก 10 คน ฐานความผิดพกพาอาวุธมีด 8คน ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน 1 คน มีวิทยุไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 คน โดยจำแนกตามฐานความผิดพฤติกาณ์ร้ายแรง เช่น แกนนำได้ขับรถบรรทุกชนแนวป้องกันของตำรวจ ส่วนแนวร่วมจะมีแนวความผิดฝ่าฝืนข้อกำหนดเข้าไปพื้นที่หวงห้าม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท การดำเนินคดีจะยึดหลักนิติรัฐ คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่เข้ามาร่วมชุมนุม โดยญาติผู้ถูกจับสามารถเข้าเยี่ยมและติดต่อทนายความได้ โดยมอบหมายให้พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา สบ.10 ในฐานะรอง ผอ.ศอ.รส.ดูแลการสอบสวน จากนั้น จะประชุมเพื่อเสนอให้มีการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
จากนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้านการจราจร พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย