นายพงษ์เทพ ยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน และไม่ได้เลือกรับฟังเฉพาะข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ของรัฐบาลตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญย่อมมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แต่ที่ทราบพบว่ามีคนเห็นด้วยมากว่า ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก
รองนายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาพันธ์ครูภาคใต้ประกาศหยุดการเรียนการสอน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยดูแลปรับมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับครูและนักเรียนในพื้นที่ ภายหลังเกิดเหตุ ผอ.ร.ร.ท่ากำชำ ถูกยิงจนเสียชีวิตว่า วันที่ 29 พ.ย.นี้ ตัวแทนจากกระทรวงศึกษาธิการจะเข้าร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ พร้อมหารือกับผู้แทนครูและหน่วยงานด้านความมั่นคง พร้อมรับข้อเรียกร้องจากสมาพันธ์ครูมาพิจารณาร่วมกัน จากนั้นวันที่ 30 พ.ย.ผู้แทนครูจะขึ้นมาหารือกับตนในข้อเรียกร้องต่างๆ ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัย, การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และการเพิ่มสวัสดิการด้านเสี่ยงภัยให้กับครูในพื้นที่ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ โดยให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด
นายพงษ์เทพ กล่าวด้วยว่า ต้นเดือนธ.ค.นี้ จะลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้เพื่อหารือร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับมาตรการดูแลความปลอดภัย ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลดำเนินยุทธศาสตร์ได้ถูกทางแล้ว คือ การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามทบทวนยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา แต่อาจต้องปรับในส่วนของยุทธวิธี เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก เช่น เส้นทาง และช่วงเวลาสำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดเรียนได้ช่วงต้นเดือนธ.ค.55