โดยคำร้อง ระบุว่า จำเลยในฐานะ ส.ส. มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ และในวันที่ 7 ธ.ค. ยังมีการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญจำเลยที่ 5 ในฐานะ ส.ส.ร่วมงานด้วย
ขณะที่จำเลยที่ 5 ยังเป็นกรรมาธิการคณะพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรด้วย ซึ่งมีหน้าที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องเข้าร่วมประชุมรายสัปดาห์ หรือต้องเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวมีกำหนดไปราชการศึกษาดูงานที่ประเทศอิตาลีและใกล้เคียงในวันที่ 8-14 ธ.ค.นี้ด้วย ทั้งนี้จำเลยได้แนบบัตรเชิญประกอบคำร้องส่งต่อศาลด้วย
หลังศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นสามารถกระทำได้หลายรูปแบบ และสถานที่ต่างๆ ตามสมควร ส่วนการเข้าร่วมงานพระราชพิธีหรืองานสโมสรสันนิบาตเป็นเพียงโอกาสเท่านั้น แต่จำเลยกลับทำผิด ฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาล ที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จนศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกัน
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎร ต้องไปศึกษาดูงานที่ประเทศอิตาลีและใกล้เคียงในวันที่ 8-14 ธ.ค.55 รวมทั้งมีภารกิจต้องดูแลกิจการ มีภรรยาและบุตร 2 คนต้องดูแลรับผิดชอบนั้น ก็ยังไม่มีเหตุให้ควรเชื่อได้ว่า หากศาลสั่งปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 5 อีก จะไม่ไปก่ออันตรายประการอื่นอีก คดีจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกร้อง