นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขวัญและกำลังใจของครูรวมทั้งบุคลากรทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ยอมรับว่าแม้รัฐบาลจะอนุมัติเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ช่วงนี้ยังเป็นช่วงรอยต่อ ซึ่งยังไม่สามารถลงพื้นที่ได้ทันที เพราะเป็นช่วงที่ตำรวจใหม่จะต้องฝึกฝนการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ที่ต้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งรถและเสื้อเกราะกันกระสุนที่ยังไม่เพียงพอ แต่ได้สั่งการให้รีบดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งสั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อการตัดสินใจในการแก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะตอบว่าการก่อเหตุที่บ่อยครั้งในช่วงนี้ เป็นเพราะผู้ก่อความไม่สงบพยายามตอบโต้รัฐบาลที่พยายามจะสร้างการพัฒนาลงไปในพื้นที่ให้มากขึ้นหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงว่า การพัฒนาเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ และต้องการการเห็นการมีส่วนร่วม ซึ่งได้พยายามให้ทุกกระทรวงเข้าไปทำงานในพื้นที่ ร่วมกับ ศอ.บต. กอ.รมน. และภาคประชาชน
พร้อมกันนี้ ยังขอความเห็นใจในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ว่า รัฐบาลพยายามจะทำงานและบูรณาการร่วมกันในทุกกระทรวงอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากองค์ประกอบที่ซับซ้อน ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำงานอย่างเต็มที่ต่อไป
ด้านนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีและพื้นที่ใกล้เคียงในวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.) โดยจะไปพูดคุยกับตัวแทนครูและผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับฟังข้อเสนอและช่วยหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในเรื่องขวัญและกำลังใจของครูใต้ และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหว้ดชายแดนภาคใต้(ศปก.กปต.) วันนี้ได้มอบหมายให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ ศปก.กปต. ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการประชุมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งเพื่อติดตามการทำงาน และเน้นย้ำงานด้านนโยบายแก้ไขปัญหาใน 4 ประเด็นหลัก คือ ด้านการพัฒนา, ด้านการรักษาความมั่นคง, การอำนวยความยุติธรรม และด้านการศึกษา