"ไม่แปลกใจที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงจุดยืนคัดค้านและคว่ำการทำประชามติ... กลัวอะไรกับการตัดสินใจของประชาชน" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า ในอดีตนายอภิสิทธิ์เคยเสนอขอนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ และนำพรรคประชาธิปัตย์บอยคอตการเลือกตั้งในปี 2548 ไม่เข้าสู่สนามเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสิน แต่ต้องขอบคุณที่นายอภิสิทธิ์เปิดเผยให้ประชาชนเห็นตัวตนและจุดยืนที่ชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการให้รัฐธรรมนูญปี 50 ที่มาจากการรัฐประหาร มีเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตยได้รับการแก้ไขทั้งฉบับ และนายอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วยที่ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะออกเสียงประชามติชี้ขาดและกำหนดความเป็นไปของประเทศ
"สิ่งที่น่าแปลกใจคือท่าทีที่สับสนของพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามตำหนิว่ารัฐบาลไม่ทำตามนโยบายบางเรื่องที่แถลงต่อรัฐสภา แต่พอรัฐบาลจะทำตามนโยบาย โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ฝ่ายค้านกลับขัดขวาง" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า ตนเองรู้สึกเวทนากับการใส่ร้ายของนายอภิสิทธิ์ที่กล่าวหาว่ารัฐบาลต้องการแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะแก้มาตรา 309 เพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นเท็จทั้งสิ้น ถ้าจะทำเช่นนั้นจริง รัฐบาลก็ไม่ต้องเสนอให้ประชาชนเลือกตัวแทนมายกร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบของ ส.ส.ร. เพราะรัฐบาลสามารถเดินหน้าแก้มาตรา 309 เป็นรายมาตราได้อยู่แล้ว แต่รัฐบาลไม่ได้ทำเช่นนั้น ดังนั้นตนเองอยากขอร้องนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์หยุดการทำลายความชอบธรรมของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร เพราะชนชั้นใดเขียนกฎหมายเพื่อชนชั้นนั้น ตัวแทนประชาชนก็ต้องเขียนกฎหมายเพื่อคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ไม่เขียนเพื่อคนๆเดียวแน่นอน
"ผมเชื่อว่าการตัดสินใจให้ประชาชนออกเสียงลงประชามติเป็นความงดงามของประชาธิปไตย และเมื่อประชาชนเจ้าของประเทศออกเสียงเช่นไร ก็จะทำให้บ้านเมืองมีทางออกและประเทศเดินหน้าไปได้ และฝ่ายค้านต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน"