ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึง 23 ล้านเสียงจะส่งผลให้ประชามติตกไป และสูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์นั้น ในประเด็นนี้คณะทำงานมองว่า จากการเปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชนผ่านโพลล์ต่างๆ ที่สะท้อนว่า ขณะนี้ประชาชนถึง 66% ตื่นตัวที่จะออกมาใช้สิทธิลงประชามตินั้น ทำให้เชื่อมั่นว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิอย่างแน่นอน
ส่วนจำนวนเสียงจะถึงกึ่งหนึ่งหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ต้องไปทำความเข้าใจและชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงของการทำประชามติว่า ไม่ใช่เพื่อแก้มาตรา 309 หรือเพื่อบุคคลใด แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากปลายกระบอกปืน
สำหรับแนวทางและวิธีการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธินั้นมีแนวทางอยู่ แต่ต้องรอให้คณะทำงานที่ครม.มอบหมายไปศึกษาวิธีการและข้อกฎหมายให้ได้ข้อสรุปแล้วเสร็จก่อนเราก็พร้อมจะเดินหน้ารณรงค์ทันที ทั้งนี้ ในที่ประชุมส.ส.พรรคในวันที่ 25 ธ.ค.นั้น คณะทำงานจะชี้แจงกรอบการดำเนินงานเพื่อให้สมาชิกได้ไปชี้แจงกับประชาชนอย่างถูกต้องด้วย ยืนยันว่า การชี้แจงเพื่อให้เข้าใจถึงเหตุผลนั้นไม่ใช่การชี้นำ เพราะถือเป็นสิทธิของประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร
กรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า รัฐบาลทำประชามติอาจมีข้อขัดกันทางกฎหมายและเข้าข่ายขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้น คณะทำงานได้ตรวจสอบจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยพิจารณาในกรณีดังกล่าวไว้แล้ว ตามคำวินิจฉัยที่ 17 / 2552 ว่า เนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ทั้ง 45 มาตราที่สภาฯ ส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยนั้น มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่าไม่ขัดหรือแย้งกัน ดังนั้นจึงไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่อย่างใด
"ถ้าเสียงไม่พอเราก็พร้อมยอมรับ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าเราเชื่อมั่นในเสียงของประชาชนที่จะออกมาใช้สิทธิว่าจะมีจำนวนมากพอ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว