นายกฯ พอใจผลเยือนบังกลาเทศหวังเพิ่มการค้าเท่าตัวในปี 59,ขายข้าวปีละล้านตัน

ข่าวการเมือง Saturday December 22, 2012 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยผลหารือกับนางชีค ฮาลีนา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ เพื่อประสานความสัมพันธ์และความร่วมมือในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย- บังกลาเทศ ทุกมิติ ทั้งการค้า การลงทุน และความมั่นคง โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะพัฒนาการเชื่อมโยงทั้งทางบกและทางทะเลเชื่อมต่อไทย-อาเซียน-บังกลาเทศ-เอเชียใต้ เพื่อเป็นกลไกพัฒนาการค้าและการลงทุนทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค

โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาทางการเมืองและเศรษฐกิจของสองประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำเสถียรภาพทางการเมืองไทยภายหลังการเลือกตั้งและการสร้างความสมานฉันท์ในประเทศและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปีนี้ ไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 5.5 คาดการณ์การเติบโตที่ร้อยละ 5.6 ในปีหน้า ขณะที่บังกลาเทศเองมีระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 6-7 เช่นกัน และมีประชากรกว่า 167 ล้านคน ทั้งสองประเทศจึงมีศักยภาพที่จะขยายตลาดและส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้น

ด้านการค้า ปริมาณการค้าไทย-บังกลาเทศ มีมูลค่าถึง 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 จากปีก่อน โดยนายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการตั้งเป้ามูลค่าระหว่างกันอีกเท่าตัวภายในปี 2559 ซึ่งบังกลาเทศเห็นด้วย โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างภาคเอกชน ทั้งสองฝ่ายจะรื้อฟื้นกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-บังกลาเทศที่มีอยู่แล้ว(Thai-Bangladesh Joint Trade Committee-JTC) เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังเสนอให้บังกลาเทศพิจารณาใช้ไทยเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน โดยที่บังกลาเทศจะเป็นประตูสำหรับสินค้าไทยในเอเชียใต้ด้วยเช่นกัน

สำหรับประเด็นเรื่องข้าว รัฐบาลบังคลาเทศได้แสดงความสนใจที่จะซื้อข้าวจากไทยตามที่ฝ่ายไทยเสนอ ซึ่งเป็นไปตามที่ได้ลงนามไว้ในบันทึกความเข้าใจ(MOU) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงที่จะขายข้าวและรัฐบาลบังกลาเทศตกลงที่จะซื้อข้าวไม่เกินปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 3 ปี(2554-2556) โดยในครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะขยายอายุของ MOU ดังกล่าวไปอีก 3 ปีด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มความร่วมมือในภาคการเกษตร การประมงและปศุสัตว์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองได้เป็นสักขีพยานและแสดงความยินดีในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเกษตรและบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการประมงและปศุสัตว์ ระหว่างกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย

ด้านการลงทุน ฝ่ายบังกลาเทศแสดงความประสงค์ให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในสาขาต่างๆ มากขึ้น ซึ่งตรงกับความต้องการของนักลงทุนไทยที่ต้องการขยายการลงทุนในบังคลาเทศ โดยเฉพาะในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การแปรรูปอาหาร การผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงาน นอกจากนี้บังกลาเทศยินดีสนับสนุนภาคเอกชนไทยลงทุนการพัฒนาและจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษของบังกลาเทศด้วย

ด้านการท่องเที่ยว บังกลาเทศชื่นชมต่อความสำเร็จและประสงค์ที่จะร่วมมือกับไทยในด้านนี้มากขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism และไทยยินดีให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการในการศึกษาเชิงลึกเพื่อพัฒนาภาคการท่องเที่ยวในบังกลาเทศ อีกทั้งประเทศไทยจะพิจารณาแสวงหาโอกาสด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการในบังกลาเทศอย่าง

ด้านการสร้างความเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมและพัฒนาการเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระหว่างไทย-บังกลาเทศ ทางถนน และการเชื่อมโยงทางทะเล ผ่านท่าเรือจิตตะกอง ท่าเรือทวาย และท่าเรือระนอง โดย ท่าเรือระนองของไทยมีศักยภาพในการขนถ่ายสินค้าและสามารถเป็นประตูการค้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าระหว่างบังกลาเทศและไทย

โดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบให้คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือบังกลาเทศ-ไทยหารือร่วมกัน และเสนอข้อคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือในประเด็นที่สำคัญนี้ และเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความเชื่อมโยง เพื่อบ่งชี้และสำรวจความริเริ่มต่าง ๆ ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับการเชื่อมโยงในทั้งสองประเทศและประเทศที่สาม และอาจพิจารณาเชิญให้เมียนมาร์และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเข้าร่วมในคณะทำงานร่วมด้านความเชื่อมโยงด้วย

ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายพอใจต่อความร่วมมือด้านการทหารระหว่างสองประเทศ อาทิ ความร่วมมือด้านการฝึกร่วม Cobra Gold อย่างไรก็ดี ผู้นำทั้งสองเห็นว่า เพื่อรับมือกับภัยคุกคามข้ามชาติ ในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศตกลงให้มีการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีด้านการข่าว เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ อาวุธ ยาเสพติต และการก่อการร้าย

สำหรับความช่วยเหลือทางวิชาการ ไทยยืนยันความต่อเนื่องของความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทรัพย์มนุษย์ และได้เสนอที่จะให้ทุนการศึกษาจำนวน 40 ทุนแก่นักศึกษาบังกลาเทศในระดับปริญญาโทในประเทศไทย เพื่อฉลองโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย

ส่วนคามร่วมมือในกรอบภูมิภาคและระหว่างประเทศ ผู้นำไทยและบังกลาเทศต่างพอใจการร่วมมืออย่างใกล้ชิดในกรอบความร่วมมือภูมิภาค และในองค์การระหว่างประเทศต่างๆ อาทิ UN ACD ARF ASEM และยินดีที่บังกลาเทศสนใจที่จะยกระดับเป็นประเทศคู่เจรจาอาเซียน และเข้าร่วม East-West Econonic Corridor และความร่วมมือแม่โขง-คงคา (Mekong-Ganges Cooperation)

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังย้ำถึงบทบาทสำคัญของ BIMSTEC ในการกระชับความร่วมมือในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งความสำคัญของความตกลงเขตการค้าเสรี BIMSTEC ซึ่งต่างต้องการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

นายกรัฐมนตรีได้ถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนของบังกลาเทศเกี่ยวกับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในกรอบองค์การความร่วมมืออิสลาม(OIC) ด้วย

ผู้นำสตรีทั้งสองยังได้แสดงพันธะต่อการส่งเสริมศักยภาพสตรี การพัฒนา และสวัสดิภาพโดยรวมของสตรีในสังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมที่คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ของบังกลาเทศส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ และมีสตรีถึง 5 คน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียินดีกับความคิดริเริ่มของนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศที่จะจัดการประชุมผู้นำสตรีในปี 2556

หลังการหารือ นายกรัฐมนตรีทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางการเกษตร และการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศไทยและบังกลาเทศ จากนั้นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรม Pan Pacific ซึ่งเป็นโรงแรมที่พักของนายกรัฐมนตรี โดยภายหลังงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ Hazrat Shahjalal เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย และจะมาถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 19.35 น.

โดยคณะที่เดินทางร่วมกับนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ประกอบด้วย นายนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์, นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ