รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ผลการพิจารณาตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2555 ของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ซึ่งครั้งนี้ตรงกับรัฐบาลที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนี้
*** ฉายารัฐบาลประจำปี 2555 "พี่คนแรก"
ความหมาย:ล้อคำมาจากนโยบายที่ขึ้นชื่อของรัฐบาล เช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก แต่ด้วยความที่รัฐบาลต้องทำงานบริหารประเทศ โดยมีเงาของพี่ชาย พี่สาว พาดผ่านเข้ามา รวมไปถึงปัญหาต่างๆ ก็มาจากเรื่องของพี่ ทั้งปัญหาของบ้านเมือง ข้าวของแพง ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน ข้อครหาทุจริตไม่ได้รับการแก้ไข หรือชี้แจงอย่างชัดเจน เรียกได้ว่า เอะอะอะไรก็เรื่องของพี่ต้องมาก่อน ต้องมาเป็นอับดับแรก
*** วาทะแห่งปี 27 พ.ย.55 "คำว่าลอยตัวนั้นต่างกับคำว่าไม่รับผิดชอบ"
ความหมาย:นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ หลังถูกกล่าวหาเรื่องการขาดความรับผิดชอบ ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ชี้แจงประเด็นที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะเรื่องนโยบายรับจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทที่ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสและเอื้อประโยชน์พวกพ้อง
*** ฉายารัฐมนตรี
-น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ปูกรรเชียง" ล้อจากชื่อเล่นของนายกฯ และลักษณะของปู คือ เดินเซไปเซมา ไม่ตรงทาง ขณะที่การบริหารงานต้องแบกภาระและใบสั่งจากพี่ชายชื่อทักษิณ และพี่สาว แม้แต่คนรอบข้างก็คอยลากไปลากมา การทำงานไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งเมื่อมีปัญหาทางการเมืองก็มักจะตีกรรเชียงลอยตัวหนีปัญหา
-ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา"กันชนตระกูลชิน"บอดี้การ์ดคอยปกป้องนายกฯ และนายใหญ่ โดยเฉพาะคนตระกูลชินวัตร ทุกรูปแบบทั้งงานในสภาฯ และม็อบต้านรัฐบาล เดินหน้าท้าชนทุกเรื่อง แต่กลัวการลงไปแก้ปัญหาภาคใต้ ขณะที่ผลงานโดดเด่นคือการปราบปรามยาเสพติด
-นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้ฉายา"ลูกไก่ไวท์ไล"เป็นถึงรองนายกฯ ที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจของประเทศ แต่กลับดิสเครดิตตัวเองจากกรณีโกหกสีขาวด้วยการยอมรับว่าตั้งเป้าทางเศรษฐกิจเกินจริงเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ ส่วนคำว่าลูกไก่ล้อจากชื่อเล่น"โต้ง"แต่เนื่องจากผลงาน และประสบการณ์ทางการเมืองยังไม่เด่นชัดและเก่งกาจตามที่ถูกคาดหวังจึงเป็นได้เพียงลูกไก่
-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ฉายา"ตามล่าหน้าหล่อ"ไม่มีผลงานโดดเด่นด้านความมั่นคง แต่ผลงานเป็นที่ประจักษ์เพียงอย่างเดียว คือ การไล่ล่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อถอดยศกรณีหนีเกณฑ์ทหาร นอกจากนี้ยังถูกนายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ผ่านเพียงการเรียน ร.ด.โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คสั่งสอนบุคคลระดับนายพลถึงข่าวลอบทำร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ
-นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ได้ฉายา"ไพร่เทียม"เป็นโควต้าหนึ่งเดียวของ นปช.ที่ได้เป็นรัฐมนตรี ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ต้องพลาดหวัง แม้ว่าผลงานไม่เด่นชัด มีเพียงพูดเก่ง ดีแต่ปาก ขณะที่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรีกลับใช้ชีวิตและการทำงานลักษณะอำมาตย์ ไม่ต่างจากคำว่าไพร่เทียม
-นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ได้ฉายา "บุญทรุด"เป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนโยบายหลักของรัฐบาล คือ รับจำนำข้าว การแก้ปัญหาสินค้า ราคาแพง แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แทนที่จะเป็นผลงานกลับกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตี โดยเฉพาะการรับจำนำข้าว และไม่สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆได้ อาทิ สัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี อีกทั้งถูกมองว่าที่ยังสามารถเป็นรัฐมนตรีอยู่ได้เพราะเป็นเด็กเจ๊ ด.
-นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ฉายา "ด.ดันดี"ผลงานไม่เป็นที่ปรากฎ แต่ไม่เคยถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ยึดเก้าอี้ได้เหนียวแน่น แถมล่าสุดยังไต่ระดับขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ เชื่อว่ามีแรงดันจาก เจ๊ ด.
-นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม ได้ฉายา"โฟร์แมนสแตนด์บาย"เป็นรัฐมนตรีน้องใหม่ และเป็นที่คาดหวังของรัฐมนตรีน้ำดี ซึ่งถูกมอบหมายให้ทำงานสารพัด ไฟแรง เป็นคนเก่ง ประกาศไม่ขอยุ่งการเมือง เร่งผลักดันงานด้านคมนาคม รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าต่างๆ เป็นคนที่มีหุ่นล่ำทรมานใจสาวๆ
-นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา"ปั้นน้ำเป็นทุน“มีผลงานโดดเด่น คือรับผิดชอบการแก้ปัญหาน้ำท่วม และเนื่องจากปีนี้น้ำไม่ท่วม มั่นใจว่าเป็นฝีมือของตนเอง จึงคุยโม้และแอ๊คอาร์ท โดยเฉพาะเมื่อได้รับการเลื่อนขั้นจากรัฐมนตรีขึ้นเป็นรองนายกฯ ที่ได้ดูแลโปรเจ็คน้ำมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้านบาท
-นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้ฉายา "สิงห์สำรอง"โดยสิงห์เป็นสัญลักษณ์ของกระทรวงมหาดไทย แต่เส้นทางการเข้ามาทำหน้าที่ของนายจารุพงษ์ทั้งตำแหน่งรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิด ซึ่งเป็นการเดินตามรอยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่เจอวิกฤตการเมืองจนต้องลาออกไป จึงถูกมองว่าเป็นเพียงสิงห์สำรองเท่านั้น