ขณะที่รัฐบาลได้ฉายาตามชื่อเพลง "พี่ชายที่แสนดี" เนื่องจากเบื้องหลังการกำกับรัฐบาลมีเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายของนายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งโผรัฐมนตรีต่างๆ ทุกคนต่างก็ต้องบินไปที่ดูไบ การช่วยเหลือประคับประคองเพื่อให้น้องสาวซึ่งยังใหม่กับการเมือง เปรียบเหมือนการที่มีพี่ชายคอยดูแล ตรงอย่างยิ่งกับเพลง "พี่ชายที่แสนดี" ของ ระวิวรรณ จินดา
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ฉายา "โอ๋จัดให้" เพราะเป็น รมว.กลาโหม จึงจัดการผู้นำฝ่ายค้านด้วยข้อหาหนีทหาร ซึ่งมีมานาน ก้ำกึ่ง ไม่สมกับที่แรกเริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์บอกว่าจะแก้ไขไม่แก้แค้น ขณะที่นายกฯ หญิงก็ดำเนินการโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ปล่อยให้ รมว.กลาโหม จัดการผู้นำฝ่ายค้านโดยการถอนยศร้อยตรี จึงเหมาะกับเพลง "จัดให้" ของ ไทเทเนียม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ฉายา "เหลิม..ทาสรัก" เพราะเป็นผู้ที่ยอมรับเองว่าเป็น "ขี้ข้าทักษิณ" มานานแล้ว ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน "ขี้ข้า" มีความหมายเดียวกับคำว่า "ทาส" คือ ผู้ที่ต้องทำงานรับใช้ในทุกสภาวะ โดยถูกบีบบังคับให้ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถบ่น ขัดแย้ง ต้องทนทำไป ทั้งนี้เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมฯ เป็นบุคคลที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่ ไม่มีผู้สนับสนุน กลุ่มก๊วน จึงต้องทำงานทดแทนบุญคุณเปรียบเสมือนทาส เหมาะสมกับเพลง "ทาส" ของ พาราด็อกซ์
นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ฉายา "มาร์คเมาไบกอน" ความเป็นพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งจะต้องมีทั้งหลักการ และการทำงานที่มีภาพลักษณ์ความเก่าแก่ของฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่คู่กับสภาฯไทย แต่เมื่อมาถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของพรรคเพื่อไทยซึ่งผลักดันนโยบายต่างๆ นายอภิสิทธิ์ดูเหมือนยังติดอยู่กับความขัดแย้งและปัญหาทางการเมือง รวมทั้งถูกรุมล้อมจากเรื่องส่วนตัวในกรณีถูกถอดยศและถูกดำเนินคดีจาก DSI ที่ยังจะตามมาอีกหลายคดีจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม รวมทั้งทุกเรื่องที่เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ลักษณะของนายอภิสิทธิ์เหมือนกับว่าทำงานอะไรได้ไม่เต็มที่ ติดๆขัดๆ เหมือนคนมึนงง ถอยหลังก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ อีกทั้งความไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้านทำให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค มีลักษณะโดดเดี่ยว สมกับฉายาว่า "มาร์คเมาไบกอน" และเพลง "มันต้องถอน" ของ ปอยฝ้าย มาลัยพร
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ฉายา "กิ้งก่าทองสองใจ" เพราะนายธาริตเป็นข้าราชการ โดยปกติข้าราชการไทยย่อมต้องโอนอ่อนผ่อนตามนโยบายของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล เพียงแต่ท่าทีของนายธาริตขณะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์มีอำนาจก็ถูกฝั่งพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าจะทำการย้ายเป็นคนแรก แต่ท้ายที่สุดเมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีอำนาจ นายธาริตเองก็ยังสามารถเอาตัวรอด และได้ทำหน้าที่แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ทำให้คนทั่วไปมองว่า นายธาริตเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างดี จึงเหมาะกับเพลง "กิ้งก่าทองสองใจ" ของ ธันวา ราศรีธนู
"อย่าไปคิดอะไรที่มันซีเรียส ถือว่าเป็นฉายาที่ชูวิทย์ตั้งให้ส่งท้ายปี 2555 ก็แล้วกัน เพียงแต่ผมนำเอามาประกอบกับเพลงแต่ละเพลง ซึ่งมีเนื้อเพลงใกล้เคียงกับฉายาของแต่ละคน การเมืองก็คือละครเหมือนอย่างที่คนหลายคนว่าไว้ หากจะเปรียบไปก็เหมือนกับเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นมา มีเปลี่ยนแปลง เกิด ดัง ดับ เป็นวัฏจักรสังขาร อย่างไรก็ดี ผมขอส่งความสุขและสวัสดีปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทยทุกคน" นายชูวิทย์ ระบุ