ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม., นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม., นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัด กทม., นางนินนาท ชลิตานนท์ รองปลัด กทม., นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้ง นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด, นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด, นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTSC, นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ BTSC
ทั้งนี้ DSI ได้นัดหมายให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในวันที่ 9 ม.ค.56 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง และในวันดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนจะทำการพิมพ์มือของผู้ต้องหาทั้งหมด หลังจากนั้น DSI จะไม่ควบคุมตัวและให้ปล่อยตัวไป เพราะถือว่าบุคคลทั้งหมดมารายงานตัวแสดงเจตนารมณ์แล้ว
"เราทำงานร่วมกับพนักงานอัยการ และพิจารณาจากพยานหลักฐานโดยรอบด้านแล้ว ได้มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ว่าฯกทม. รองผู้ว่าฯกทม. ผู้บริหารกทม. ผู้บริหารบริษัทเคที ผู้บริหารบีทีเอสซี รวม 11 ราย ว่าร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย"นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงรมว.มหาดไทยพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งหาก รมว.มหาดไทยเห็นว่าการปฏิบัติใดๆของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครขัดต่อกฏหมาย หรือเป็นไปในทางที่อาจทำให้เสียประโยชน์ของกรุงเทพมหานคร รมว.มหาดไทยจะยับยั้งหรือสั่งการตามที่เห็นสมควร
"คงกระทบแน่ๆ เพราะหากสัญญาเป็นโมฆะก็จะเกิดการสูญเปล่าหรือสูญเสีย ซึ่งใครเป็นผู้ก่อ ก็ต้องรับผิดชอบกันไปทั้งทางแพ่งและทางอาญา" นายธาริตกล่าวตอบผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่าหาก รมว.มหาดไทยยกเลิกสัญญาจะกระทบต่อการซื้อขายหุ้นหรือไม่