"การปล่อยตัว น.ส.ราตรี เพียงคนเดียว เพื่อลดแรงกดดันจากมวลชนในเรื่องคดีปราสาทพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลกที่จะมีการตัดสินในเดือนเมษายนนี้ และเหตุที่ยังจำคุกนายวีระต่อไปอีก 6 เดือนเพราะรัฐบาลไทยต้องการให้คดีปราสาทพระวิหารผ่านพ้นไปก่อน หากปล่อยมาตอนนี้นายวีระจะมานำม็อบประท้วงรัฐบาลจนอยู่ไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นข้อตกลงและมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาที่ได้ประเมินสถานการณ์คดีปราสาทพระวิหารเข้าสู่ศาลโลกครั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลไทยรู้ล่วงหน้าแล้วอาจเสียดินแดนให้กับกัมพูชา ดังนั้นการปล่อยตัวสองคนไทยจึงอาจเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการสูญเสียดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหาร" นายปานเทพ กล่าว
โฆษก พธม.กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องน่ายินดีที่ น.ส.ราตรี จะได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อน และขอชื่นชมบุคคลทั้งสองคนที่ไม่ยื่นถวายฎีกาเพื่อขออภัยโทษก่อนหน้านี้ เพราะต้องการยืนยันว่าถูกจับกุมตัวขณะยืนอยู่ในผืนแผ่นดินไทย
"หากรัฐบาลไทยมีความจริงใจและไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ กับทางการกัมพูชา ต้องประกาศจุดยืนของทางการไทยว่าไม่รับอำนาจของศาลโลกในทุกกรณี ตามข้อเสนอของนายสมปอง สุจริตกุล อดีตทนายความต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลโลกเมื่อปี 2505 และของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยนำไปสู่การยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเริ่มเข้าสู่กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีไทย-กัมพูชา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขข้อพิพาททางเขตแดนในช่องระวางดงรักและปักปันเขตแดนกันใหม่" นายปานเทพ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยื่นข้อเรียกร้องไปให้รัฐบาลไทยแล้วเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และรอดูท่าทีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีคำตอบออกมาให้ชัดเจนโดยเร็ว เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องทราบแล้วว่าไทยจะเสียดินแดนหรือไม่
"อย่ามาพูดปัดความรับผิดชอบให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เท่านั้น เพราะเป็นเรื่องฝ่ายไทยเสียเปรียบทุกประตู กลุ่มพันธมิตรฯจะติดตามท่าทีของรัฐบาลและจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" นายปานเทพ กล่าว