จากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่า การกระทำของข้าราชการทหารในเครื่องแบบดังกล่าว เข้าข่ายคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ใช้สิทธิในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากมีผู้ใดไม่พอใจการนำเสนอข่าวและความคิดเห็นนั้น สามารถใช้กลไกทั้งในทางกฎหมายและทางวิชาชีพดำเนินการกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1. ขอให้กองทัพยุติการคุกคามสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ เพราะหากสื่อถูกข่มขู่และคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลและข้อเท็จจริงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
2. ขอเรียกร้องให้กองทัพเคารพสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน หากเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขต สามารถใช้อำนาจฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย หรือใช้กลไกในการควบคุมกันเองทางจริยธรรมขององค์กรสื่อผ่านสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
3. ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการกองทัพทหารบกรับฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชนที่สะท้อนภาพเกี่ยวกับการทำงานของทัพและผู้บัญชาการทหารบกอย่างปราศจากอคติ เป็นธรรม และสร้างสรรค์
4. ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารและแสดงความคิดเห็น โดยยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยเฉพาะการละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียง หรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาด เคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง การไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าว และพึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพและมีความหมายเหยียดหยาม ฯลฯ
ท้ายนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข็มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ เพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่อไป