อย่างไรก็ดี เชือว่าพล.ต.อ.พงศพัศ จะสามารถนำประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมามาทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ได้ เนื่องจากภารกิจของผู้ว่าฯ กทม.ถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะให้ความร่วมมือในการทำงานกับกทม.อยางใกล้ชิด
โดยวันนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ได้เดินทางมาพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งการลาออกจากตำแหน่ง และพูดคุยถึงการเตรียมตัว และนโยบายในการใช้หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกับขอโอกาสรับใช้คนกรุงเทพฯ
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า กทม.และรัฐบาลจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน โดยเชื่อว่าพล.ต.อ.พงศพัศ พร้อมที่จะทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ แล้ว และนายกรัฐมนตรีจะหาเวลาช่วยพล.ต.อ.พงศพัศ ในการลงพื้นที่หาเสียงจากคนกรุงเทพฯ ด้วย
ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้ได้มาอำลานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ส. ซึ่งวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงานในชีวิตข้าราชการตำรวจ หลังจากพรรคเพื่อไทยมีมติส่งตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ทั้งนี้ได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบถึงการตัดสินใจลาออกจากชีวิตข้าราชการตำรวจ โดยมีความตั้งใจจริงและขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ ที่จะให้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสทำงานเป็นผู้ว่าฯ กทม. และเพื่อขับเคลื่อนงานต่างๆ ต่อไป
"ผมเองก็รู้ถึงความทุกข์ยาก และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนกทม.มาเยอะ ก็ได้เห็นปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผมมีความพร้อมที่จะทำเพื่อคนกรุงเทพฯแล้ว" พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจและอยากให้นำนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การทำงานร่วมกันกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อไปบอกกล่าวกับคนกรุงเทพฯ ว่าผู้ว่าฯ กทม.จะทำงานร่วมกับคนกรุงเทพฯ อย่างไร และมองว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ต้องมีการแข่งขันกันไม่ว่าจะในนามพรรคการเมืองหรือผู้สมัครอิสระ ซึ่งเป็นเรื่องการนำเสนอนโยบาย การสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงคะแนนเสียงว่าเลือกใครไปแล้วจะสามารถทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ได้
"นโยบายหลักของเราคือ เราวางยุทธศาสตร์ที่จะทำงานแบบไร้รอยต่อกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการหาเสียง" พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้(15 ม.ค.) เวลา 16.00 น. พรรคเพื่อไทยจะมีการเปิดตัวผู้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.อย่างเป็นทางการ แต่จะยังไม่มีการเปิดตัวทีมผู้ว่าฯ