พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า การลงพื้นเยาวราชเพื่อพบปะและสอบถามปัญหาจากคนไทยเชื้อสายจีน โดยยืนยันที่จะแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ซึ่งมีแนวคิดในการสร้างทางเลียบแม่น้าเจัพระยา 17 กิโลเมตร บริเวณท่าน้ำราชวงศ์ เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนรวมถึงการฟื้นรถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านการจราจร
พร้อมระบุว่า ไม่กังวลถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า คะแนนนิยมเป็นรองหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ใน 4 เขต ประกอบด้วยเขต พระนคร ปร้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์และเขตดุสิต โดยเห็นว่า การแพ้ชนะไม่ใช่สาระสำคัญมากกว่าการนำเสนอนโยบายให้คนกรุงเทพมหานคร
พล.ต.อ.พงศพัศ ระบุว่า ไม่ทราบรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยที่ว่าจะไม่มีทีมงานของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยในทีมช่วยรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่ตามหลักการจะต้องเชิญเข้ามาช่วยงานเนื่องจากเป็นกลไกหนึ่งของพรรคที่จะต้องร่วมมือกัน
พร้อมกันนี้ปฏิเสธให้ความชัดเจนการพิจารณาทีมรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผย โดยส่วนตัวจะขอร่วมพิจารณาทีมรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครร่วมกับพรรคด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยและตัวแทนผู้สมัครของพรรคจะเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่ แม้ว่าผลสำรวจของพรรคเพื่อไทยประเมินว่ามีคะแนนตามพรรคประชาธิปัตย์ใน 4 เขตหลัก โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่เคยได้รับความไว้วางใจให้รับใช้คนกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ พร้อมขอโอกาสให้ว่าที่ผู้สมัคร โดยการหาเสียงจะเน้นการทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละเขต
ทั้งนี้ จะแบ่งยุทธศาสตร์การหาเสียงเป็น 2 ส่วนคือ ภาพรวมการบริหารกรุงเทพฯ และการนำเสนอนโยบายในแต่ละเขตให้ตรงกับความต้องการของประชาชน ส่วนนโยบายหลักที่จะใช้ในการหาเสียง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งจะต้องให้ว่าที่ผู้สมัครรับฟังปัญหาของประชาชนมานำเสนอเป็นนโยบายอีกครั้ง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลเพื่อไทยมีนโยบายการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กทม.ที่จะต้องทำงานร่วมกับจังหวัดปริมณทลเพื่อให้การแก้ไขปัญหาจราจรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงว่าการชูนโยบายทำงานไร้รอยต่อกับรัฐบาลนั้น ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะเข้าไปลดทอนอำนาจและการทำงานของกทม. แต่ยังคงความอิสระและมีกลไกที่สามารถตรวจสอบการทำงานได้ หากรัฐบาลและกทม.เป็นคนละพรรคกัน การประสานงานและแก้ไขปัญหาใช้เวลานานหรือติดขัดในการแก้ไขปัญหาได้