ส่วนประเด็นที่มองว่านายธาริตมีความผิดที่ชัดเจนนั้น ได้แก่ 1.เป็นการจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงที่นายธาริต และพนักงานสอบสวนทราบดี จากการที่เคยทำสำนวน แต่กลับมาเขียนเหตุการณ์เดียวกันเป็นคนละเรื่องในการบรรยายแจ้งข้อกล่าวหาตนเองกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ปชป.ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)
2.นายธาริตฐานะหนึ่งใน ศอฉ.ทราบดีถึงสถานการณ์ในโครงสร้างและความรับผิดชอบทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งไม่ได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาประกอบ และ 3.จงใจที่เลี่ยงแจ้งข้อหาตนเองในฐานะเจ้าพนักงาน เพื่อดึงอำนาจสอบสวนไว้ ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้ จะต้องส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของนายธาริตผิดมาตรา 157 และมาตรา 200 ของรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ยังเข้าข่ายผิดมาตรา 309 ดังนั้นจะดำเนินคดีเอาแค่ผิด 2 มาตราก่อน และจะจำกัดเฉพาะผู้ที่ลงนามในการแจ้งข้อกล่าวหาที่เบื้องต้นระบุไว้ 4 คน เพราะการกระทำครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิที่มี และหาก DSI ยังยืนยันที่จะทำอย่างนี้อีกก็จะต้องเจออีกหลายคดี โดยบุคคล 4 คนที่จะแจ้งความก็จะโดนข้อหาเดียวกันหมด รวมทั้งพนักงานสอบสวนที่ทำไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะโดนหลายคดีด้วยเช่นกัน
"อยากจะเตือนไว้ถ้าคิดว่ามีธงทางการเมือง หรือการสั่งการมา แล้วไม่ยึดหลักทางกฎหมาย สุดท้ายคนสั่งก็จะไม่มารับผิดชอบ คนทำก็จะโดนกันหมด และเป็นเรื่องที่ต้องรอดูท่าทีต่อไป แต่อย่างน้อยมีหนึ่งเรื่องในการเรียก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ จากเดิมที่กำหนดในวันที่ 18 ม.ค.ก็ดูมีท่าทีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงหรือสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้น แต่ก็ยังติดใจเรื่องการเชิญไปให้ถ้อยคำแบบพร่ำเพรื่อ เร่งรีบ ต่างกับที่เคยคุยกันไว้ในวันที่ผมเดินทางไปพบดีเอสไอ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ดีๆ ก็มีหนังสือมาขอเลื่อนการให้ถ้อยคำ ซึ่งอธิบดีดีเอสไออาจจะไม่ทราบในเรื่องการออกหนังสือมาเชิญครั้งแรก และไม่ทราบว่าตัวหัวหน้าพนักงานได้ใช้แนวทางแบบนี้ เมื่อทราบจึงมีหนังสือมาเพื่อเลื่อน แต่กรณีอื่นๆ ยังไม่ชัดเจน ซึ่งตนเองไม่เข้าใจ และเดิมได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นความจงใจที่จะสร้างประเด็นทางการเมืองเกี่ยวกับตนเองและตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
นายอภิสิทธิ์ เห็นว่า การกระทำของดีเอสไอเป็นบรรทัดฐานที่มีไว้จัดการฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เช่น วิธีการดำเนินการ การส่งแฟ็กซ์จดหมายมาเชิญทุกวันพฤหัสแล้วให้เดินทางไปให้การวันจันทร์ อังคาร โดยเฉพาะในสมัยประชุมวันพฤหัส ซึ่งวันดังกล่าว ส.ส.จะต้องลงพื้นที่ตอนค่ำ ซึ่งเป็นอุปสรรคหากยังใช้วิธีแบบนี้ไปเรื่อยๆ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันที่ตนเองเดินทางไปดีเอสไอ ก็ได้พูดคุยกับอธิบดีและหัวหน้าพนักงานสอบสวนไว้แล้ว พวกตนเองยินดีให้ความร่วมมือ แม้บางเรื่องไม่มีมูล แต่ขอให้ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ส่งหนังสือมาแล้วยังไม่ทราบเลยว่าจะเรียกไปสอบถามเรื่องอะไร ไปแล้ว 2 อาทิตย์ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ขอเอกสารไม่สมเหตุสมผล บางตัวดีเอสไอมีอยู่แล้ว สามารถค้นหาได้ อย่างไรก็ดี ภายในวันที่ 18 ม.ค. ตนเองจะส่งหนังสือไปอีกฉบับถึงอธิบดีดีเอสไอว่าให้ความร่วมมือกับการสอบอย่างเต็มที่