"เราต้องมองผู้อพยพชาวโรฮิงยาเป็นคนที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายต้องตีความแบบนั้น และทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายไทย แต่การดูแลเบื้องต้นเราก็ตกลงกันได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานก็จะใช้งบประมาณให้การสนับสนุนไปก่อนในระยะสั้น" นายสุรพงษ์ กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนทางสถานีโทรทัศน์ NBT เช้านี้
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาในระยะยาวนั้นต้องพูดคุยกับองค์กรระหว่างประเทศว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมได้มากน้อยเพียงใด และเราจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ที่จะต้องพิสูจน์หรือแยกกลุ่มออกมาด้วยว่ากลุ่มนั้นจะมีโทษหรือไม่ เป็นกลุ่มที่มีภัยต่อประเทศหรือไม่ เราต้องทำทุกอย่างตามขั้นตอน
"เขาเป็นผู้ตกยากลำบากมาในการที่จะผลักดันออกไปทันทีเลยนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการทำ เราต้องทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และให้ความสะดวกก่อน การที่จะให้สถานที่พักพิงนั้นเดี๋ยวคงต้องมาพูดคุย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานผมได้ประชุมภายในให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศติดต่อกับทางเลขาฯ สภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อที่จะร่วมประชุมกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะวางท่าทีที่จะพูดคุยกับองค์กรระหว่างประเทศเพราะองค์กรระหว่างประเทศ มีอยู่หลายองค์กร อย่างองค์กรแรกคือองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(IOM) และกาชาดสากล (ICRC) นอกจากนั้นยังมีสำนักงานค่าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ นอกนั้นยังมีองค์การยูนิเซฟ ก็มีหลายๆ หน่วยงานด้วยกันซึ่งก็ต้องพูดคุยกัน" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนปัญหาเกี่ยวขบวนการค้ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ เพราะไทยถูกกล่าวหาจากสังคมโลกจนอาจต้องตกระดับ ที่ทางอเมริกาออกมาว่าอยู่ในระดับ 2 เฝ้าระวังหรือระดับ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกกุ้ง สิ่งทอ หรืออื่นๆ ที่เราไปขายในประเทศยุโรปหรือในอเมริกา
"เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง เพราะฉะนั้นเราต้องแยกแยะออก และวันก่อนบังเอิญผมเจอกับทางผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ได้มีโอกาสกราบเรียนท่านไปว่าขบวนการที่ดำเนินการเรื่องค้ามนุษย์ เราจะต้องปราบให้หมดและกรณีที่มีชาวโรฮิงยากลุ่มนี้เข้ามาปรากฎว่าคนที่ให้สถานที่พักพิงหรือตามที่เขาให้ข่าวว่ามีการใช้รถขนอำนวยความสะดวกต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งมันอาจจะเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ เพราะเขาไปเรียกเงินจากเขาและนำเข้าไปกักขังไว้" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เมื่อปีแล้วตอนที่เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เราได้ยื่นรายงานฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ไปให้กับองค์ที่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ ซึ่งในเอกสารฉบับดังกล่าวพูดถึงแผนปฏิบัติการปราบปรามการค้ามนุษย์ การใช้แรงงานเด็ก การทารุณกรรมแรงงานต่างๆ ที่ประเทศไทยถูกโจมตีมาตลอดเวลาว่าใช้แรงงานเด็ก กดขี่ ทำให้กุ้งของเราขายในต่างประเทศได้ถูก เพราะเราใช้แรงงานราคาต่ำก็เป็นสิ่งที่เขาบอกมาว่าถ้าเราไม่แก้ไขปีหน้าถ้าเขาปรับระดับลง ระดับที่ 2 และเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นมา 2 ปีแล้ว พอมาปีที่ 3 ได้ไปขอนางฮิลลารี่ คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐว่าเนื่องจากรัฐบาลนี้เพิ่งเข้ามารับงานใหม่ขอเวลาให้รัฐบาลได้พิสูจน์ตัวเอง
"เราจะดำเนินการตามรายงานที่เรายื่นไปตามแผนการต่างๆ ซึ่งท่านก็ตกลงว่ายินดีที่จะช่วยไม่ให้ปรับระดับลง เราก็อยู่ในระดับ 2 เฝ้าระวัง 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ผมได้ไปเชิญทูต 20 กว่าประเทศ โดยเฉพาะทูตอเมริกา ท่านก็ให้ความเมตตามาร่วม ทูตอังกฤษ ทูตเยอรมัน ทูตฝรั่งเศล ทูตฮังการี่ หลายๆ ประเทศก็ไปกันวันนั้น ก่อนไปผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ท่านดำเนินการเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ท่านมีศูนย์ปฏิบัตการของท่านอย่างไร ท่านก็นำเสนอ และมีการวีดิโอลิงค์เข้ามาหลายๆ จังหวัดเพื่อที่จะมีการสั่งการกันได้ให้เขาได้เห็นภาพ และทุกอย่างเป็นรูปธรรมหมด จากนั้นเราก็ไปดูกันที่พื้นที่จริง" นายสุรพงษ์ กล่าว