"ประชาชนร้อยละ 42.29 ระบุว่า รัฐบาลยังไม่มีความตั้งใจในการต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารอย่างเต็มที่...ประชาชนร้อยละ 66.91 ระบุว่า รัฐบาลไทยให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีปราสาทเขาพระวิหารแก่ประชาชนยังไม่ชัดเจน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า การที่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 42 ระบุว่า รัฐบาลยังไม่มีความตั้งใจในการต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารนั้น สะท้อนให้เห็นถึงการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งยังเป็นข้อกังขาของประชาชน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ รมว.ต่างประเทศ ได้ออกมาแสดงท่าทีว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะแพ้คดี และที่ผ่านมาได้มีหลายฝ่ายเสนอให้นายสมปอง สุจริตกุล เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร ประชาชนจึงมองว่ารัฐบาลยังไม่มีความตั้งในการต่อสู้คดี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ส่วนความชัดเจนของข้อมูลนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ระบุว่ายังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาล แสดงให้เห็นว่ามีการปกปิดข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว ควรมีการหารือหรือรับฟังความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการตัดสินของศาลโลก โดยเฉพาะข้อมูลในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนที่เป็นปัญหาข้อพิพาทกันอยู่ ก่อนที่จะมีการเริ่มพิจารณาคดีอีกครั้งในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ รัฐบาลควรจัดเวทีสัมนา เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อทางโทรทัศน์ ที่เป็นสื่อเข้าถึงประชาชนมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารให้มากขึ้นและกระจายเป็นวงกว้างมากที่สุด
"หากรัฐบาลยอมรับในการตัดสินของศาลโลก รัฐบาลก็อาจจะมีปัญหากับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าหากรัฐบาลไม่ยอมรับในคำตัดสินของศาลโลกก็อาจจะมีปัญหากับศาลโลกได้...ไม่ว่ารัฐบาลจะยอมรับคำตัดสินของศาลโลกหรือไม่นั้น ท้ายสุดรัฐบาลก็อาจจะประสบกับปัญหาความไม่เสถียรภาพทางการเมืองตามมา" นายพิชาย กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "รัฐบาลกับการดำเนินการเกี่ยวกับคดีปราสาทเขาพระวิหาร" ระหว่างวันที่ 15-16 ม.ค.ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,251 ราย