นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า จะเริ่มต้นยื่นหนังสือเรียกร้องที่สหประชาชาติเพื่อส่งเรื่องให้ตุลาการศาลโลกโดยตรง แล้วก็จะเดินทางไปที่ศูนย์บัญชาการกองทัพบกและประธานศาลฎีกา นอกจากนี้จะมีกลุ่มแยกออกไปยื่นต่อผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งมั่นใจว่าจะควบคุมการชุมนุมได้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย โดยมีหน่วยปราบจลาจล 2 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบอีก 6 กองร้อย
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มั่นใจจะสามารถควบคุมการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมคนไทยหัวใจรักชาติฯ ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อยได้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุวุ่นวาย และจากรายงานล่าสุดก็ยังไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง และการชุมนุมน่าจะยุติภายในวันนี้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว และเดินขึ้นห้องประชุม ครม.ทันที
ส่วนพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะนายสมปอง สุจริตกุล อดีตทีมทนายความก็ยังเคยระบุว่า ไทยไม่สามารถปฏิเสธอำนาจของศาลโลกได้ ทั้งนี้การแสดงออกใดๆ ที่ไม่เห็นด้วยสามารถทำได้ แต่การเรียกร้องแล้วต้องทำตามทั้งหมดก็อาจจะไม่ถูกต้อง และไม่กังวลว่าการชุมนุมดังกล่าวจะบานปลายจนกระทบต่อความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ ขณะเดียวกันยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งไทยและกัมพูชายังเข้าใจกันดีและสามารถพูดคุยกันได้
และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป เพราะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามสถานการณ์และจัดกำลังดูแลความเรียบร้อยการชุมนุมแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเองไม่มีเจตนาสร้างสถานการณ์ให้บานปลายเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ทั้งนี้สิ่งที่ตนเองเป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องข้อพิพาทพื้นที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหารไม่น่าจะเป็นประเด็นที่เอามาใช้โจมตีทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาล เพราะหน้าที่ของคนไทยตลอดจนหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีการทางการฑูตและกลไกทางกฎหมายอย่างดีที่สุดไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศและสร้างความเสียหาย