อนึ่ง สืบเนื่องจาก DSI แถลงเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 ว่าคณะทำงานสอบสวนคดีพิเศษ มีมติให้แจ้งข้อหาแก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (กรุงเทพธนาคม) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) และผู้บริหารของบริษัทข้างต้น กรณีจัดทำสัญญาเกี่ยวกับการเดินรถไฟฟ้า บีทีเอส ว่าร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2556 DSI ได้เรียกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องบางส่วนมารับทราบข้อหา นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อมูลตามสื่อสารมวลชนต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อร้องเรียนที่พาดพิงถึงการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอส โกรท (กองทุน BTSGIF) ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมกับ ก.ล.ต.
จากข้อมูลข้างต้น การลงทุนของกองทุน BTSGIF จึงไม่ใช่การลงทุนในส่วนที่เป็นมูลเหตุเกี่ยวข้องกับการแจ้งข้อหาของ DSI กรณีเกี่ยวกับสัญญาฉบับลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 ซึ่ง กทม. โดยกรุงเทพธนาคม ว่าจ้าง BTSC ให้บริการเดินรถ บริการซ่อมบำรุง และบริการเก็บเงินค่าโดยสาร ในเส้นทางสัมปทานเดิมหลังสิ้นสุดระยะเวลาสัมปทาน และในเส้นทางส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง
เนื่องจากข้อมูลที่ ก.ล.ต. รวบรวมได้ในชั้นนี้ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการแจ้งข้อหาของ DSI เป็นส่วนเดียวกับทรัพย์สินที่กองทุน BTSGIF จะลงทุน ประกอบกับ ก.ล.ต. ต้องแจ้งผลการพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมดังกล่าว ภายใน 45 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอพร้อมเอกสารหลักฐานครบถ้วน ก.ล.ต. จึงได้มีหนังสือไปยัง DSI ขอทราบว่ามีข้อมูลใดเพิ่มเติมที่จะแสดงให้เห็นเป็นประการอื่นหรือไม่ โดยขอให้ DSI ช่วยพิจารณาแจ้งให้ทราบภายใน 30 วัน เพื่อที่ ก.ล.ต.จะได้พิจารณาคำขอจัดตั้งกองทุน BTSGIF ตามกรอบเวลาของกฎหมายต่อไป