อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอกชวลิต เป็นผู้มีประสบการณ์สูงและเป็นที่นับถือบุคคลหนึ่งทางการเมือง แต่ในขณะนี้คณะรัฐมนตรีทุกคนก็ยังสามารถทำงานได้อยู่ ซึ่งการปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องดูตามโอกาสและความเหมาะสมอีกครั้ง
สำหรับงานทางด้านความมั่นคง ยังไม่มีความจำเป็นเสริมบุคลากร หรือปรับเปลี่ยน เนื่องจากทุกคนสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และการทำงานของรัฐบาลไม่ใช่เป็นลักษณะของการเสริม แต่เป็นลักษณะของการบูรณาการพูดคุยกัน
ส่วนกรณีปัญหาทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพักนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยืนยันว่า จะไม่ส่งกระทบต่อการให้บริการของประชาชน ซึ่งได้กำชับไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้เร่งติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการ รวมถึงเร่งสร้างขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประสบปัญหาไม่มีโรงพักในการทำงาน
พร้อมทั้งยืนยันว่าจากปัญหาดังกล่าวไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งฝ่ายค้านแต่อย่างใด แต่การตรวจสอบเรื่องนี้มาจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาจนนำมาสู่การสืบสวนสอบสวน
ขณะที่กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาระบุว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม. มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ไม่ทราบ แต่ขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง หากมีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้