เมื่อจำแนกตามช่วงเวลาของการสำรวจตั้งแต่โค้งที่ 1 ถึงโค้งที่ 3 พบว่า สัดส่วนของผู้ที่ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 41.8 ในโค้งที่หนึ่ง เป็นร้อยละ 43.1 ในโค้งที่สอง และเป็นร้อยละ 43.9 ในโค้งที่สาม
ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากร้อยละ 37.6 ในโค้งที่หนึ่ง ลดลงเหลือร้อยละ 33.1 ในโค้งที่สอง แต่ในโค้งที่สามกลับตีตื้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37.6 เท่ากับโค้งที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของผู้ที่ระบุผู้สมัครในนามอิสระและคนอื่นๆ มีลักษณะสวิงเปลี่ยนแปลงไปมาในลักษณะลดลงแต่ไปเพิ่มขึ้นในส่วนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ส่งผลให้ช่วงห่างระหว่าง พล.ต.อ.พงศพัศ กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แคบลงในโค้งที่สามจากเดิมเคยห่างกัน 4 จุดในโค้งที่หนึ่ง และทิ้งห่างเป็น 10 จุดในโค้งที่สอง และล่าสุดห่างกัน 6.3 จุด แต่โดยสรุปจากผลสำรวจครั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ยังคงนำในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้
ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ ได้สำรวจความคิดเห็นในเรื่องแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความตั้งใจจะไปเลือกตั้งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โค้ง 3 จากกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 3,631 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-12 ก.พ.ที่ผ่านมา