"ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 93.2 รู้จัก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร รองลงมาคือร้อยละ 91.9 รู้จัก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขณะที่ร้อยละ 74.4 รู้จัก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ร้อยละ 40.1 รู้จักนายโฆสิต สุวินิจจิต และร้อยละ 16.0 รู้จักนายสุหฤท สยามวาลา" เอกสารเผยแพร่ระบุ
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า ในการสำรวจเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้พบว่ามีผู้จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.สูงถึงร้อยละ 63 แต่ผลสำรวจล่าสุดกลับพบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาระบุจะไปเลือกตั้งแน่ๆ มีเพียงร้อยละ 50.6 เท่านั้น ขณะที่ร้อยละ 49.4 ระบุไม่แน่ใจถึงไม่ไปแน่ๆ โดยระบุเหตุผลสำคัญคือ ความเบื่อหน่ายต่อบรรยากาศทางการเมืองและการเห็นความสำคัญต่อเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของตนเองมากกว่าการเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ส่วนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่กลุ่มคนตั้งใจจะไปเลือกตั้งแน่ๆ เลือกส่วนใหญ่ร้อยละ 47.1 ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขณะที่ร้อยละ 38.5 ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และร้อยละ 8.0 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
แต่ในกลุ่มคนไม่แน่ใจว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ พบว่า ความตั้งใจของกลุ่มคนไม่แน่ใจจะไปเลือกตั้งหรือไม่กระจายไปอยู่ในกลุ่มผู้สมัครทั้งสองในสัดส่วนที่ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ร้อยละ 39.7 ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขณะที่ร้อยละ 36.5 ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร และร้อยละ 13.5 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
และหากจำแนกกลุ่มคนที่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งที่แล้วเมื่อปี 52 และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้จะเลือกใคร พบว่า ในกลุ่มคนที่เคยเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 52 นั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.4 จะยังคงเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร อย่างไรก็ตามเกินกว่า 1 ใน 5 ของตัวอย่างครั้งนี้หรือร้อยละ 22.0 หันไปเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เคยเลือกนายยุรนันท์ ภมรมนตรี เมื่อปี 52 ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 78.7 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.4 ของกลุ่มตัวอย่างที่เคยเลือกคนอื่นๆ ในปี 52 จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ เช่นกัน ที่เหลือกระจายตัวออกไปเลือกคนอื่นๆ ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมาถึงนี้
"ผลสำรวจที่ค้นพบนี้เป็นผลสำรวจที่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งประมาณสองสัปดาห์ แต่ในวันเลือกตั้งจริงอาจเปลี่ยนแปลงไปได้หรืออาจจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการสำรวจที่ค้นพบครั้งนี้ก็ได้" นายนพดล กล่าว
นอกจากนี้ ตัวเลขที่น่าพิจารณาอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ความตั้งใจจะเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จำแนกตามโอกาสของการเปลี่ยนใจจะเลือกคนอื่นจากที่ตั้งใจไว้ พบว่า ในกลุ่มคนที่ไม่เปลี่ยนใจอีกแล้วร้อยละ 45.3 ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขณะที่ร้อยละ 38.2 ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และร้อยละ 9.4 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
ในกลุ่มคนที่อาจจะเปลี่ยนใจได้ร้อยละ 34.8 ระบุ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ในสัดส่วนพอๆ กันคือ ร้อยละ 34.3 ระบุ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และร้อยละ 16.9 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ร้อยละ 12.2 ระบุเริ่มมีการซื้อสิทธิขายเสียงเกิดขึ้นแล้วในชุมชนของตนเอง
โดยเหตุผลของประชาชนที่ตั้งใจจะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ คือ มั่นใจว่าจะทำงานตามนโยบายได้ อยากเปลี่ยนคนใหม่เข้ามาทำงาน เป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงาน เป็นกันเองกับชาวบ้าน ชอบเป็นการส่วนตัว ชอบพรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ส่วนเหตุผลของประชาชนที่ตั้งใจจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร คือ เข้าถึงประชาชนได้ดีเป็นกันเองกับชาวบ้าน เป็นคนจริงใจ ทำงานอย่างจริงจัง ซื่อสัตย์ในการทำงานตรงไปตรงมา ชอบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
และเหตุผลของประชาชนที่ตั้งใจจะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส คือ เป็นคนเอาจริงเอาจัง มั่นใจในฝีมือการทำงาน อยากเปลี่ยนให้คนใหม่ทำงานดูบ้าง คิดต่าง ชื่นชอบนโยบาย เป็นต้น
"ผลสำรวจครั้งนี้พบความน่าเป็นห่วงอยู่สองประการคือ ความไม่แน่ใจของประชาชนว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ และปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงที่อาจเป็นสาเหตุสำคัญในการลดบรรยากาศอันดีของประชาธิปไตย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะทำงานเชิงรุกให้มากขึ้นทั้งในการรณรงค์ให้เกิดความตระหนักเห็นความสำคัญของการไปใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่าเหตุการณ์ส่วนตัวของประชาชน และทำให้ขบวนการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ไม่สามารถทำงานได้ดีจนส่งผลเสียต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้" นายนพดล กล่าว
ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ ได้ทำการวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สำรวจการรับรู้ของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อรายชื่อผู้สมัครทั้ง 25 คน และเจาะใจคนจะไปเลือกตั้งแน่ๆ กับคนไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะเลือกใครพร้อมเหตุผลกรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ จำนวนทั้งสิ้น 3,631 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 8-13 ก.พ.ที่ผ่านมา