ตามที่ รมว.พลังงาน ออกมาให้ข่าวเรื่องที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซให้ไทย ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า และสร้างความตื่นตระหนกเสมือนว่า จะขาดแคลนก๊าซที่เป็นต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าในเดือน เม.ย.56 เหมือนเตรียมการและสร้างเงื่อนไขเพื่อขึ้นค่าไฟฟ้ากับประชาชนอีกหรือไม่
"ความผิดพลาดอยู่ที่สัญญาระหว่างไทย(ปตท.) กับพม่า ซึ่งภาคประชาชนต้องการให้ ปตท.เปิดเผยสัญญาและคนที่จะต้องรับผิดชอบคือ ปตท.กับเจ้าหน้าที่รัฐที่กำหนดนโยบายให้ ปตท.ผูกขาดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ รับหน้าที่ผูกขาดการซื้อขายก๊าซ ทั้งที่ควรยกเลิก การผูกขาดและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.เพียงผู้เดียว ควรให้มีการซื้อขายก๊าซอย่างเสรี เพราะเวลามีปัญหาก็จะโยนภาระให้ประชาชนแบกรับ ขณะที่เวลามีกำไรก็นำไปแบ่งเฉพาะผู้ถือหุ้น ถือว่าเอาเปรียบเบียดเบียนประชาชนอีกทั้งประเทศไทย ยังขายก๊าซธรรมชาติของไทยในอ่าวไทยให้แก่มาเลเซียในราคาเพียง 2.60 บาทต่อกิโลกรัม แต่จัดหาในราคาแพงโดยซื้อจากพม่าในราคา 12 บาท ซึ่งถือว่าบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย ไม่ชอบธรรม" หนังสือร้องเรียน ระบุ
นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซหุงต้มที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติในประเทศมีสิทธิใช้ก่อน และการกำหนดราคาให้มีการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อขายคือบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งผลประโยชน์ได้จากทรัพยากรแผ่นดินในประเทศ แต่กลับมีภาคธุรกิจเอกชนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ขณะที่ประชาชนทั้งประเทศต้องแบกรับภาระ จึงขอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีมติให้ภาคปิโตรเคมีต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนน้ำมันเท่ากับอุตสาหกรรมอื่น คือ 12 บาท/กิโลกรัม อีกทั้งต้องจ่ายในราคาซื้อเท่าราคานำเข้า เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับต้นทุนของปิโตรเคมีที่ทำกำไรให้เอกชนและ บมข.ปตท.(PTT)