โดยคะแนนความพึงพอใจด้านการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ที่ 5.42 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งเป็นระดับคะแนนที่มากกว่าครึ่งเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และปรับเพิ่มขึ้น 0.11 คะแนนจากการประเมินเมื่อตอนที่ทำงานครบ 1 ปี โดยได้คะแนนความขยันทุ่มเทในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศมากที่สุด 6.04 คะแนน แต่ได้คะแนนด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจน้อยที่สุด 4.90 คะแนน
และเมื่อเปรียบเทียบผลงานในช่วง 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา กับความคาดหวังตอนที่ นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ พบว่า ประชาชนร้อยละ 38.6 เห็นว่าพอๆ กับที่คาดหวังไว้ อีกร้อยละ 24.0 เห็นว่าดีกว่าที่คาดหวังไว้ และร้อยละ 10.8 เห็นว่า แย่กว่าที่คาดหวังไว้
ส่วนรัฐมนตรีที่มีผลงานเด่นชัดเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมากที่สุดคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 25.6 รองลงมาคือ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ ร้อยละ 3.7 และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง) ร้อยละ 3.2 ขณะที่ร้อยละ 26.0 เห็นว่าไม่มีรัฐมนตรีคนใดเลยที่มีผลงานเด่นชัด
สำหรับผลงานและโครงการของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด คือ การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท ร้อยละ 21.8, การปราบปรามยาเสพติด ร้อยละ 18.5 และการคืนภาษีรถยนต์คันแรก ร้อยละ 13.6
ด้านคะแนนความพึงพอใจต่อการทำงานของพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล พรรคแกนนำฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า พรรคเพื่อไทยได้ 5.44 คะแนน พรรคร่วมรัฐบาลได้ 4.62 คะแนน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้านได้ 3.86 คะแนน และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ 3.57 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
สำหรับสิ่งที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน 5 อันดับแรกต่อจากนี้ไป คือ การแก้ปัญหาเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 40.9 รองลงมาคือ ปัญหาการจราจร ซ่อมแซมถนนหนทาง ร้อยละ 12.1, การแก้ปัญหายาเสพติดตามแหล่งชุมชนและแหล่งมั่วสุมต่างๆ ร้อยละ 8.9, การแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ร้อยละ 7.8 และการปรับเงินค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทและเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ร้อยละ 3.8
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ หรือกรุงเทพโพลล์ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "ประเมินผลงาน 1 ปี 6 เดือน รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,194 คน ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ.ที่ผ่านมา