"ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเรื่องการทำ Exit Poll ในวันเลือกตั้งและมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าสวนดุสิตโพลจะไม่ทำ Exit Pol lในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้" นายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล กล่าว
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพลระบุเหตุผลที่สำคัญ 8 ประการของการตัดสินใจครั้งนี้ ได้แก่ 1.สถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและการแข่งขันที่สูงอาจสร้างความลำบากใจให้กับผู้ตอบ เกิดความระแวงในการให้คำตอบและแสดงความคิดเห็นเพราะไม่มั่นใจในตัวผู้ถามว่ามาจากพรรคการเมืองหรือหัวคะแนนหรือไม่ ข้อมูลที่ได้อาจเอนเอียงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง 2.เป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่อาจถูกยัดเยียดหรือหลอกลวงให้หลงกลที่อาจนำไปสู่การกระทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง
3.เกิดความไม่คุ้มค่าเพราะหลังเลือกตั้งใช้เวลาเพียงแค่ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก็สามารถรู้ผลอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งไม่ห่างจากการนำเสนอผล Exit Poll มากนักและที่สำคัญทางทีวีพูลยังได้มีการทำ Exit Poll แล้วและรายงานผลการนับคะแนนที่เป็นปัจจุบัน(Real time) อีกด้วย 4.พบหลักฐานชัดเจนว่าสวนดุสิตโพลถูกแอบอ้างโดยมีการนำชื่อไปใช้ในการเก็บข้อมูลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของสวนดุสิตโพล และมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะการทำ Exit Poll ที่จะนำผลไปใช้ประโยชน์เพื่อผู้สมัครของตนเองในลักษณะส่อไปในทางทุจริต
5.เวลานี้สวนดุสิตโพลถูกจับตาอย่างเข้มงวดประหนึ่งเป็นการจ้องจับผิดการทำงานในทุกย่างก้าวแม้จะเป็นไปตามหลักวิชาการก็ตามก็อาจพลาดพลั้งหรือสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาจนนำไปสู่การผิดกฏหมายเลือกตั้ง 6.การแข่งขันสูงจากสถานการณ์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่เริ่มแข่งขันกันอย่างสูงในช่วง 7 วันสุดท้าย โดยผลของโพลเองถูกมองว่าไม่เป็นกลาง อาจมีผลต่อการตัดสินใจเลือก หรือไม่เลือกผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง
7.การเข้าถึงประชาชน ณ หน่วยเลือกตั้งเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะถูกกำหนดให้อยู่ห่างจากหน่วยเลือกตั้ง 100 เมตร และ 8.สวนดุสิตโพลมีข้อมูลที่เพียงพอ เพราะได้รวบรวมมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วง 7 วันก่อนเลือกตั้ง แต่ยังไม่สามารถเผยแพร่ได้ต้องรอหลังจากปิดหีบการเลือกตั้งเวลา 15.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2556 ก่อน จึงไม่จำเป็นต้องทำ Exit Poll
อย่างไรก็ตาม คณะที่ปรึกษาสวนดุสิตโพลต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการงดทำ Exit Poll ครั้งนี้เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งเพราะจะทำให้สถานะของสวนดุสิตโพลมั่นคงและสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนในภาวะการแข่งขันทางการเมืองที่รุนแรง รวมทั้งจะไม่เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยโดยรวมอีกด้วย แต่คณะที่ปรึกษาเห็นชอบให้สวนดุสิตโพลทำ Entry Poll แทนซึ่งจะเป็นการเก็บข้อมูล 2 วันก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอตรวจสอบการทำโพลของสวนดุสิตโพลนั้น ได้รวบรวมและจัดส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้แก่ การออกแบบ การสุ่มตัวอย่าง จำนวนกลุ่มตัวอย่าง และสำเนาแบบสำรวจทั้งหมดที่เป็นไปตามหลักวิชาการทำโพลไปให้ กกต.ตรวจสอบแล้ว
"การที่สวนดุสิตโพลหรือสำนักโพลอื่นๆ ณ วันนี้แสดงจุดยืนในการไม่ทำ Exit Poll นั้น ไม่ได้เป็นการแสดงถึงความไม่เข้มแข็งของวงการคนทำโพล แต่เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการนำชื่อเสียง ความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อสำนักโพลไปใช้ในทางที่ผิด แอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์ เนื่องจากในปัจจุบันความแตกแยกในสังคมไทยมีค่อนข้างเด่นชัด ดังนั้นโพลจึงต้องรักษาบทบาทของการสมานฉันท์ ความปรองดองโดยการแสดงจุดยืนดังกล่าว เพื่อความเข้มแข็งและยั่งยืนในการทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในอนาคตต่อไป" นายสุขุม ระบุ