เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำเนียบผู้นำโลกได้ต้อนรับสมาชิกใหม่รายล่าสุด แถมยังเป็นผู้นำหญิงเสียด้วย เมื่อปัก กึน-ฮเย (Park Geun-hye) ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 11 ของเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ ในโอกาสนี้ คอลัมน์ In Focus ขอนำคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับประธานาธิบดีหญิงคนแรกแห่งแดนโสมขาว รวมถึงความท้าทายที่ “มาดามปัก" จะต้องเผชิญตลอดวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปีนับจากนี้
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น จากสุภาพสตรีหมายเลข 1 สู่เก้าอี้ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้
ปัก กึน-ฮเย เกิดเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2495 โดยเป็นบุตรสาวคนโตของปัก จุง-ฮี ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของเกาหลีใต้ ปัก กึน-ฮเยสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์จากมหาวิทยาลัยโซกัง (Sogang University) และมีความรู้ด้านภาษาจีนเป็นอย่างดี
ในปีพ.ศ.2506 ปัก กึน-ฮเย ในวัย 9 ขวบได้ย้ายเข้าไปพำนักในทำเนียบประธานาธิบดี “ชองวาแด" หรือ “บลูเฮาส์" กับบิดา และในเวลาต่อมา เธอต้องทำหน้าที่ “สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง" แทนมารดาที่เสียชีวิตในเหตุการณ์พยายามลอบสังหารปธน.ปัก จุง-ฮี เมื่อเดือนส.ค.2517
ภายหลังรับบทบาท "First Lady" มาเป็นเวลา 5 ปี เหตุการณ์ลอบสังหารได้เกิดขึ้นอีกในปี 2522 และคราวนี้คนร้ายประสบความสำเร็จ ส่งผลให้ ปัก กึน-ฮเย จำต้องอยู่ห่างจากการเมือง
อย่างไรก็ดี ปัก กึน-ฮเย หวนคืนสู่สังเวียนการเมืองอีกครั้งในปี 2540 ด้วยการเข้าเป็นสมาชิกพรรคแกรนด์ เนชั่นแนล ปาร์ตี้ (Grand National Party: GNP) ก่อนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปีถัดมา และสามารถกลับเข้าสภาได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน นอกจากนี้ เธอยังก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าพรรค GNP (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพรรค Saenuri Party) อีกด้วย
แต่ดูเหมือนว่าเป้าหมายทางการเมืองของปัก กึน ฮเย ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ โดยเธอขอท้าประลองในสนามสอบที่ใหญ่กว่า ด้วยการลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไปชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีในการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ก่อนที่จะพ่ายให้กับประธานาธิบดีลี มยอง-บัก อย่างฉิวเฉียดในการหยั่งเสียงภายในพรรค
เส้นทางสู่ “ทำเนียบสีฟ้า" ของเธอเปิดกว้างอีกครั้ง เมื่อผลสำรวจความนิยมของพรรค GNP ที่ถดถอยลงในสมัยที่นายลีเป็นผู้นำ ทำให้ ปัก กึน-ฮเย ตัดสินใจปฏิรูปพรรคใหม่ด้วยการเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น แซนูรี พร้อมกับนำพรรคคว้าชัยได้อย่างเหนือความคาดหมายในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว
ปัก กึน-ฮเย ได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายในการประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อเดือนส.ค.2555 ส่งให้เธอลอยลำชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในฐานะตัวแทนพรรคแซนูรี ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้พรรคผิดหวังเมื่อสามารถคว้าชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา และชัยชนะในครั้งนี้ก็นำพาเธอกลับคืนสู่ทำเนียบชองวาแดเป็นครั้งแรกในรอบ 33 ปี
ด้วยภาพลักษณ์ที่เด็ดเดี่ยว สุขุม เยือกเย็น ปัก กึน-ฮเยจึงได้รับสมญานามว่า “ราชินีน้ำแข็ง" อีกทั้งยังได้รับการขนานนามว่า “แทตเชอร์แห่งเกาหลี" ซึ่งมีที่มาจากการที่เธอให้คำมั่นว่าจะทำลายกฎเกณฑ์ทางการเมืองที่ผู้ชายเป็นผู้กำหนดขึ้น
ปัก กึน-ฮเย วัย 61 ปี ไม่ได้สมรสและไม่มีบุตร ซึ่งเธอก็ถือเป็นข้อได้เปรียบและนำข้อได้เปรียบนี้มาใช้ในการรณรงค์หาเสียงเพื่อดึงดูดคะแนนจากผู้มีสิทธิออกเสียงที่เอือมระอากับการเล่นพรรคเล่นพวก ตลอดจนการทุจริตคอร์รัปชั่นที่พัวพันกับครอบครัวของผู้สมัคร
“ดิฉันไม่มีพ่อแม่ ดิฉันไม่มีใคร ทั้งหมดที่ดิฉันมีคือประเทศชาติ" เธอกล่าวในระหว่างการปราศรัยหาเสียงครั้งหนึ่ง ซึ่งสามารถชนะใจชาวเกาหลีใต้จำนวนมากที่พร้อมใจกันโหวตให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ
เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า ประชาชนผาสุข วัฒนธรรมเกาหลีเฟื่องฟู
ในการกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ปัก กึน-ฮเยได้ให้คำมั่นต่อผู้เข้าร่วมพิธีราว 70,000 คนที่ลานหน้ารัฐสภาว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง และส่งเสริมวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ให้ขจรขจายไปทั่วโลก
“ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ดิฉันจะยึดมั่นในเจตจำนงของประชาชนด้วยการนำพาความหวังใหม่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ความผาสุขของประชาชน และความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของเรา" มาดามปักกล่าว
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใดที่เศรษฐกิจเป็นประเด็นที่ผู้นำคนใหม่ให้ความสำคัญสูงสุด โดยเธอระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงถูกรบกวนจากหลายปัจจัย และตลาดกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ
มาดามปักกล่าวว่า รัฐบาลของเธอจะผลักดันทรัพยากรเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น และจะส่งเสริม “ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ" (economic democratization) ด้วยการกำหนดกฎเกณฑ์กับบรรดายักษ์ใหญ่ทางอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)
ประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้กล่าวว่าเธอมุ่งมั่นที่จะ “ถอนรากถอนโคน" ความไม่เป็นธรรมต่างๆ และจะแก้ไขธรรมเนียมปฏิบัติผิดๆในอดีตที่เป็นอุปสรรคต่อบรรดาธุรกิจขนาดเล็กและเอสเอ็มอี
มาดามปักประกาศว่าเธอต้องการทำให้เกาหลีใต้เป็นสถานที่ที่ “ทุกคนสามารถแสดงศักยภาพที่ตนมีอยู่ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงที่ทำงานหรือที่อยู่" พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะคลายความกังวลของประชาชนในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา การจ้างงาน ที่อยู่อาศัย และการดูแลผู้สูงอายุ เพื่อสร้างความสุขให้กับคนในชาติ
เธอยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของวัฒนธรรมเกาหลี โดยระบุว่า วัฒนธรรมเกาหลีที่แพร่หลายไปทั่วโลกจะทำหน้าที่เป็นหัวรถจักรที่ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีถูกท้าทาย
นอกเหนือจากนโยบายเศรษฐกิจแล้ว ความสัมพันธ์ที่เย็นชากับประเทศบ้านพี่เมืองน้องอย่างเกาหลีเหนือก็เป็นประเด็นที่ปัก กึน-ฮเยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆเช่นกัน โดยเธอกล่าวว่า การทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเมื่อต้นเดือนนี้เป็นการท้าทายการอยู่รอดและอนาคตของประชาชนชาวเกาหลี และผู้รับเคราะห์หนักที่สุดก็ไม่ใช่ใคร นอกจากเกาหลีเหนือเอง
“ดิฉันขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (ชื่อทางการของเกาหลีเหนือ) ล้มเลิกความพยายามที่จะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์โดยไม่รอช้า และหันมาเริ่มเดินหน้าสู่สันติภาพและการพัฒนาร่วมกัน" ปธน.คนใหม่ของเกาหลีใต้กล่าว
นอกจากนี้ มาดามปักยังได้ยืนยันว่าจะพยายามผลักดัน “กระบวนการสร้างความไว้วางใจ" ระหว่างสองฝ่ายเพื่อวางรากฐานสู่การสร้างเอกภาพ และในขณะเดียวกัน เธอก็ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความไว้วางใจและขยายความร่วมมือกับกับบรรดาชาติพันธมิตร ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงอันเนื่องมาจากการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดทั้งมวลดังที่กล่าวมา ภารกิจแรกสุดที่ปัก กึน-ฮเย ต้องรีบดำเนินการก็คือ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดนั่นเอง