นายคาร์นีย์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ปธน.โอบามาได้เชิญสมาชิกสภานิติบัญญัติที่สำคัญ 4 ราย ซึ่งรวมถึงนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้มาประชุมกันที่ทำเนียบขาว และหวังว่าจะมี “การหารือในเชิงสร้างสรรค์"
การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันเดียวกับที่การปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลโดยอัตโนมัติ ซึ่งที่เรียกกันว่า sequester หรือ sequestration ในภาษางบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งส่งสัญญาณว่าความพยายามของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในการเลี่ยงการลดรายจ่ายดังกล่าว อาจจะหยุดชะงัก
การลดรายจ่ายราว 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงานของรัฐบาลในปีนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ตามที่พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันได้ตกลงกันไว้ในเดือนม.ค.เพื่อคลี่คลายภาวะหน้าผาทางการคลัง หรือ fiscal cliff
“การประนีประนอมกันมักจะสามารถประเมินได้จากการที่ผู้นำสภาคองเกรสรายหนึ่งเต็มใจที่จะผลักดันข้อเสนอที่แสดงถึงทางเลือกที่ยากลำบากของฝ่ายเขา แต่สิ่งที่เรายังไม่เห็นจากสมาชิกพรรครีพับลิกันก็คือความเต็มใจที่จะประนีประนอมในข้อเสนอที่ประธานาธิบดีได้ผลักดัน" นายคาร์นีย์กล่าว
โฆษกกล่าวว่า รีพับลิกันควรสนับสนุนแผนการลดยอดขาดดุล ซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มภาษีสำหรับคนร่ำรวยและปิดช่องโหว่ภาษีจากดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อแทนที่การปรับลดรายจ่ายที่กำลังจะมีขึ้น
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันได้คัดค้านแผนการแทนที่การลดรายจ่ายอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มภาษีคนร่ำรวย ขณะที่ทำเนียบขาวได้โจมตีบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันมากขึ้นว่าจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากการลดรายจ่ายของรัฐบาลมีผลบังคับใช้