โดยศาลอุทธรณ์ เห็นว่า การที่พวกจำเลยจัดเสวนาเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ขึ้นนั้นเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โจทก์ ในฐานะผู้นำรัฐบาลในการบริหารราชการ(ขณะนั้น) ที่ประชาชนทั่วไปสามารถพึงกระทำได้ ซึ่งเป็นการมุ่งแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม และที่พวกจำเลยตั้งชื่อเรื่องเสวนาเรื่องปฏิญญาขึ้น แม้จะไม่มีอยู่จริง แต่ก็ตั้งชื่อเรื่องเพื่อให้เกิดความสนใจเท่านั้น การกระทำของพวกจำเลยจึงไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงดังที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด กรณีที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
อนึ่ง คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเห็นว่า การจัดเสวนาของจำเลย ไม่ได้ยืนยันว่าข้อตกลงปฏิญญาฟินแลนด์ดังกล่าวมีจริงหรือไม่ เพียงแต่กล่าวถึงการบริหารราชการแผ่นดินของโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการบริหารเท่านั้น จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ต่อมาโจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์