"ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 4 ฉบับที่อยู่ในสภา และ 1 ใน 4 เป็นของผมรวมอยู่ด้วย แม้ว่ายังไม่มีการเดินหน้า แต่ก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะนำออกมา เพราะหากสภาฯจะยกเรื่องนี้มาพิจารณาจะทำโดยเป็นความลับไม่ได้ ทุกอย่างต้องทำโดยเปิดเผย สมาชิกทุกฝ่ายต้องรับรู้และมีส่วนร่วม ซึ่งไม่มีเหตุผลเลยที่มาตั้งแง่ว่าจะให้มาถอดถอนร่าง พ.ร.บ.ทุกฉบับออกมา ซึ่งอยู่เฉยๆ ขณะนี้ก็ไม่เห็นมีประเด็นอะไร"
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตราบใดที่สังคมยังเปิดกว้าง ต้องมีการพูดคุยรับฟังความคืดเห็นกัน หากฝ่ายที่คิดว่าจะเดินหน้าต่อต้องมีความมั่นใจว่าจะคลี่คลายความขัดแย้งได้ และฝ่ายที่ถักถ้วงหากดำเนินการแล้วจะขัดแย้งบานปลาย ก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกันอีกที นอกจากนี้ส่วนตัวมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะเดินหน้าดำเนินการเรื่องนี้ แต่หากเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ลงความเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลา ก็ต้องเคารพกติกานั้น
ส่วนกรณีที่เริ่มมีเสียงคัดค้านการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งพรรคฝ่ายค้านยังมีความเห็นต่างและวิพากษ์วิจารณ์โครงการว่า พรรคประชาธิปัตย์ควรจะวางใจให้เป็นกลาง และมองที่ความเป็นจริงของโครงการมากกว่าจะมุ่งเน้นเรื่องการเมือง เพราะหากมีการเดินหน้าโครงการนี้สำเร็จ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมากขึ้น