ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.2 ไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะดึง ส.ส. จากกลุ่มมัชณิมาเข้าร่วมรัฐบาลในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เกินครึ่งหรือร้อยละ 52.3 คิดว่าในเดือนเมษายนนี้ บรรยากาศการเมืองจะร้อนแรงมากกว่าอากาศร้อนของเดือนเมษายน ในขณะที่ ร้อยละ 47.7 ระบุอากาศจะร้อนมากกว่า
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.1 คิดว่า กรณีเงินกู้ 30 ล้านบาทของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่นี้จะกลายเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ร้อยละ 38.9 ไม่คิดว่าจะกระทบ
ส่วนกระแสข่าว นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.4 ระบุยังไม่ถึงเวลาในตอนนี้ ในขณะที่ร้อยละ 27.6 ระบุว่าถึงเวลาแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.9 ยังคงต้องการให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 28.1 ไม่ต้องการให้โอกาสแล้ว
ผช.ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศร้อนในเดือนเมษายนนี้ และจากการสัมภาษณ์เจาะลึกชาวบ้านพบว่า ปัญหาทุจริตข้อสอบครูผู้ช่วยกำลังพ่นพิษใส่กระทรวงศึกษาธิการ ปัญหาจำนำข้าวและราคาพืชผลทางการเกษตรกำลังทำให้ประชาชนอยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงปัญหาความไม่มั่นคงและปากท้องกำลังทำให้ชาวบ้านอยากให้นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรีในหลายกระทรวงเพิ่มเติมเช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลน่าจะพิจารณาดูว่า เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลจะทำเพื่อตนเองและพวกพ้องหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของทุกคนในชาติด้วยการปรับปรุงกลไกของรัฐเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ ทำการสำรวจจากกรณีศึกษาตัวอย่างคนที่ติดตามข่าวการเมืองใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี พะเยา พิษณุโลก เชียงใหม่ นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุดรธานี ขอนแก่น ชุมพร ตรัง และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,457 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน ความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7