เอแบคโพลชี้การเมืองกำลังร้อนแรง เงินกู้30ลบ.อาจเป็นอุบัติเหตุกระทบตำแหน่งนายกฯ

ข่าวการเมือง Sunday March 24, 2013 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาว ปุณทรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง กระทรวงที่อยากให้ปรับรัฐมนตรีกับอุบัติเหตุทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี พบว่า ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี กระทรวงที่ประชาชนอยากให้มีการปรับ 10 อันดับแรกได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ ร้อยละ 19.6 อันดับสองได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 11.7 อันดับสามมีสองกระทรวง ได้แก่กระทรวงกลาโหม ร้อยละ 9.6 และ กระทรวงการคลัง ร้อยละ 9.6 อันดับที่ห้า ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 8.6 ในขณะที่ รองๆ ลงไปคือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศ ตามลำดับ

ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.2 ไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลจะดึง ส.ส. จากกลุ่มมัชณิมาเข้าร่วมรัฐบาลในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เกินครึ่งหรือร้อยละ 52.3 คิดว่าในเดือนเมษายนนี้ บรรยากาศการเมืองจะร้อนแรงมากกว่าอากาศร้อนของเดือนเมษายน ในขณะที่ ร้อยละ 47.7 ระบุอากาศจะร้อนมากกว่า

ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.1 คิดว่า กรณีเงินกู้ 30 ล้านบาทของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.กำลังตรวจสอบอยู่นี้จะกลายเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ร้อยละ 38.9 ไม่คิดว่าจะกระทบ

ส่วนกระแสข่าว นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.4 ระบุยังไม่ถึงเวลาในตอนนี้ ในขณะที่ร้อยละ 27.6 ระบุว่าถึงเวลาแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.9 ยังคงต้องการให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 28.1 ไม่ต้องการให้โอกาสแล้ว

ผช.ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า การเมืองกำลังเข้าสู่โหมดแห่งความร้อนแรงยิ่งกว่าอากาศร้อนในเดือนเมษายนนี้ และจากการสัมภาษณ์เจาะลึกชาวบ้านพบว่า ปัญหาทุจริตข้อสอบครูผู้ช่วยกำลังพ่นพิษใส่กระทรวงศึกษาธิการ ปัญหาจำนำข้าวและราคาพืชผลทางการเกษตรกำลังทำให้ประชาชนอยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงปัญหาความไม่มั่นคงและปากท้องกำลังทำให้ชาวบ้านอยากให้นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรีในหลายกระทรวงเพิ่มเติมเช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลน่าจะพิจารณาดูว่า เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลจะทำเพื่อตนเองและพวกพ้องหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของทุกคนในชาติด้วยการปรับปรุงกลไกของรัฐเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและประชาชนทุกคน

ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ ทำการสำรวจจากกรณีศึกษาตัวอย่างคนที่ติดตามข่าวการเมืองใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี พะเยา พิษณุโลก เชียงใหม่ นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุดรธานี ขอนแก่น ชุมพร ตรัง และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,457 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกจังหวัด อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน ความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ