"รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความตั้งใจและแนวคิดในการพัฒนาประเทศที่ชัดเจน ที่สำคัญคือการที่ฝ่ายค้านพยายามพูดว่า คิดมาก่อนแล้ว แต่กลับไม่ทำ เป็นการตอกย้ำว่า ดีแต่พูด เพราะเมื่อประชาชนได้เลือกให้เข้ามาทำงานแล้วก็ต้องกล้าตัดสินใจและลงมือทำจริง หากจะคิดฝันจะยกร่างพิมพ์เขียว เชื่อว่าประชาชนรอไม่ได้ ความเจริญก้าวทันโลกไม่รอใคร การที่นายกฯยิ่งลักษณ์กล้าตัดสินใจและลงมือทำจริง ทั้งๆที่หลายโครงการอาจไม่เสร็จในช่วงระยะเวลาของรัฐบาลปัจจุบัน แต่ก็สะท้อนการมีวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตมากกว่าการหาเสียงทางการเมืองด้วยลมปากไปวันๆ ส่วนฝ่ายค้านที่คิดจะยกร่างพิมพ์เขียวประเทศไทยสำหรับปี 2020 นั้น จะให้เวลาคิดถึงปีดังกล่าว เพราะถึงเวลานั้นโครงการต่างๆ ของรัฐบาลก็จะเสร็จ ฝ่ายค้านจะได้คิดต่อและพูดต่อได้" นายสุรนันทน์ กล่าว
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลตัดสินใจใช้วิธีการกู้แทนการจัดสรรงบประมาณปกติก็เพื่อให้การลงทุนมีความต่อเนื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหรือกระทบจากความผันผวนทางการเมือง เพราะโครงข่ายพื้นฐานที่จะต้องดำเนินการนั้น เป็นความจำเป็นของประเทศเพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
"การลงทุนที่จะเกิดขึ้นเสมือนเป็นการลงทุนเพื่อทดแทนการชะงักงันของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 7ปีที่ผ่านมา จากเหตุความขัดแย้งทางการเมืองและความไม่กล้าตัดสินใจของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งทำให้สถานะของประเทศถดถอยอย่างต่อเนื่อง" นายสุรนันทน์ กล่าว
ขณะเดียวกันเมื่อลงทุนโดยเงินกู้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารเงินการใช้เงินถูกประเภท คือ เป็นการลงทุนในโครงการที่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน ไม่ใช่การกู้ไปลงทุนในโครงการที่เป็นเบี้ยหัวแตก แจกของไปทั่วอย่างโครงการไทยเข้มแข็ง วัดผลไม่ได้ สิ่งของไม่ถาวร ทั้งนี้การกู้เงิน 2ล้านล้านบาทที่จะเกิดขึ้นได้มีการคิดคำนวณอย่างรอบคอบ ภาระหนี้ของประเทศจะไม่เกินร้อยละ 50 ของรายได้ประชาชาติ ซึ่งถึงแม้จะมีภาระไปอีก 50 ปี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นห่วง ด้วยโครงการขนาดใหญ่ย่อมมีภาระที่ต้องผ่อนใช้คืนยาว แต่ผลตอบแทนนั้นยาวกว่าอีกหลายสิบปีหรือร้อยปีด้วยซ้ำ
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบนั้น กฎหมายที่รัฐบาลกำลังจะเสนอสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มีกระบวนการที่รับฟังความคิดเห็นของสาธารณะแต่แรกเริ่ม และมีการอธิบายถึงแนวคิดตลอดจนเสนอข้อมูลอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดนิทรรศการ ณ ศูนย์ราชการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในตัวร่างกฎหมายเองมีบัญชีแนบท้ายเพื่อวางกรอบการลงทุนใน 3 ยุทธศาสตร์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายจะแก้ไขไม่ได้ ดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนสู่การขนส่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า 2.ยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งไปสู่ศูนย์กลางของภูมิภาคทั่วประเทศและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และ 3.ยุทธศาสตร์พัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว ซึ่งแตกต่างกับโครงการไทยเข้มแข็งที่ไม่มียุทธศาสตร์ชัดเจนเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย
ส่วนขั้นตอนการเตรียมโครงการ การเสนอโครงการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และการพิจารณาอนุมัติโครงการมีความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ โดยกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และกระทรวงการคลังพิจารณากลั่นกรองความพร้อม กรอบลงเงิน และแผนการดำเนินงาน ก่อนเสนอ ครม. พิจารณา ทั้งหมดเพื่อป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น และไม่มีการซิกแซกแต่อย่างใด และจะไม่มีการยกเลิกกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของทางราชการตามที่ฝ่ายค้านโจมตี มีแต่จะดำเนินการให้เข้มข้น และตรวจสอบได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลจะเสนอเอกสารโครงการต่างๆต่อสภาฯในลักษณะเอกสารประกอบการพิจารณาในลักษณะเดียวกับการเสนอ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งมีกว่า 200 หน้า และโครงการทั้งหมดจะมีการเสนอให้ประเมินผลและรายงานต่อรัฐสภาทุกสิ้นปีงบประมาณด้วย "การกล่าวหาว่าการกู้ 2 ล้านล้านไม่มีรายละเอียด จึงไม่เป็นความจริงซึ่งแตกต่างจากโครงการไทยเข้มแข็งของรัฐบาลที่แล้ว ที่กลับกลายเป็นตัวอย่างของความรั่วไหล ล่าช้า และไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน" นายสุรนันทน์ กล่าว