ทั้งนี้ ยืนยันว่า ฝ่ายค้านไม่ได้คัดค้านการพัฒนาพื้นฐานของประเทศในการออก พ.ร.บ.กู้เงินฯ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่จะสร้างภาระหนี้ทั้งต้นและดอกถึง 5 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการผูกพันหนี้ให้รัฐบาลชุดต่อๆไปไม่น้อยกว่า 12 รัฐบาล มัดมือชกให้ประเทศต้องชำระหนี้ถึง 50 ปีและให้ประชาชนต้องแบกรับภาระหนี้
อีกทั้งยังเห็นว่าสามารถใช้วิธีอื่นๆ เช่น ให้เอกชนร่วมทุนแทนได้ ฝ่ายค้านจึงไม่เห็นด้วยเพราะห่วงว่า เกรงจะเป็นการกู้มาเพื่อโกงและหาผลประโยชน์ เช่น โครงการรับจำนำข้าว
นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังได้ประเมินสถานการณ์การประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัตินี้ พบว่า รัฐบาลคงจะหลีกเลี่ยงการแถลงผลงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาอย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงรัฐบาลหนีการเข้ามาตอบกระทู้ถามสดที่มีการขอเลื่อนตอบทุกสัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลเร่งรัดร่างพระราชบัญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีผลประโยชน์ทางการเมืองของรัฐบาลมาเกี่ยวข้องและจะสร้างปัญหาในระยะยาว
"การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการแลกเปลี่ยนประโยชน์ระหว่าง ส.ส.รัฐบาล และส.ว.บางส่วน คือต่อวาระให้ส.ว. ต่อเนื่องไม่เว้นสมัย แลกกับการนิรโทษกรรมให้บ้านเลขที่ 109 และแก้ไขมาตรา 68 ที่จะให้ยื่นเรื่องยุบพรรคให้อัยการสูงสุดเพียงช่องทางเดียวเพื่อเปิดทางให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับทำได้สะดวกในอนาคต"นายจุรินทร์ กล่าว